NGO สหรัฐฯ เผย มลพิษร้ายแรงจากเหมืองในคาบสมุทรอินโดจีน

ศูนย์วิจัย Stimson Center ในสหรัฐฯ ได้เปิดเผยผลสำรวจสิ่งแวดล้อมบริเวณแม่น้ำในคาบสมุทรอินโดจีน พบว่า มีเหมืองแร่ตามแนวแม่น้ำกว่า 2,400 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเหมืองผิดกฎหมายปราศจากการกำกับดูแล และอาจมีการใช้สารแอมโมเนียมซัลเฟต สารเคมีอันตรายในกระบวนการขุดแร่ และปล่อยลงสู่แม่น้ำ ถือเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพประชาชนตามแนวแม่น้ำ โดยเฉพาะในประเทศไทย

แม่น้ำปนเปื้อนมลพิษ ชาวบ้านในภาคเหนือของไทยออกมาประท้วง

กลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีการเปิดเวทีถกเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ตำบลท่าตอนของไทย ชาวบ้านชูป้ายที่มีข้อความว่า "'ปิดเหมืองต้นน้ำแม่น้ำกก" และ "จัดหาน้ำให้ทุกหมู่บ้าน" ซึ่งชนวนเหตุเริ่มขึ้นเมื่อเดือนเมษายนปีนี้ โดยทางการได้ประกาศเตือนมลพิษและให้ประชาชนหยุดใช้น้ำจากแม่น้ำกก สวนผักของประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำกก ต้องเปลี่ยนไปใช้น้ำบาดาลทำเกษตรกรรมแทน

เหมืองแร่ของจีนในเมียนมา กลายเป็นแหล่งก่อมลพิษ

ศูนย์วิจัย Stimson Center องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรของสหรัฐฯ ได้ประกาศรายงานระบุว่า มีเหมืองแร่กว่า 2,400 แห่งตามแนวแม่น้ำในคาบสมุทรอินโดจีน ที่ปล่อยน้ำเสียจากการทำเหมืองไหลลงสู่แม่น้ำโขง มีผู้คนกว่า 70 ล้านคนบริเวณรอบแม่น้ำโขงที่ฝากชีวิตความเป็นอยู่ไว้กับแม่น้ำสายนี้ และแม่น้ำโขงยังเป็นหนึ่งในแหล่งส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและการประมงที่สำคัญของโลก หน่วยงานวิจัยของรัฐบาลไทยได้ตรวจสอบตัวอย่างน้ำจากแม่น้ำกก พบสารหนู แมงกานีส ตะกั่ว ดิสโพรเซียม ยูเรเนียม และทอเรียม ปนเปื้อนอยู่ในน้ำ ขณะที่เหมืองแร่หายากแห่งใหม่บริเวณภูเขาชายแดนเมียนมาของจีน ถูกระบุว่าเป็นแหล่งกำเนิดของมลพิษ

==Brian Eyler // หัวหน้าฝ่ายโครงการอาเซียน Stimson Center==
เรื่องราวนี้เริ่มต้นจากเหมืองแร่หายากในเมียนมา 2 แห่ง
ที่ส่งผลกระทบต่อแม่น้ำกก
แม่น้ำกกไหลลงมาที่ประเทศไทย และไหลไปสู่แม่น้ำโขง
แม้ว่ามันจะไม่ใช่แม่น้ำสายใหญ่
แต่ริมฝั่งแม่น้ำมีประชาชนอาศัยอยู่หลายหมื่นคน
ซึ่งจนถึงวันนี้แม่น้ำทั้งสายก็ไม่สามารถใช้งานได้

ปัญหามลพิษในแม่น้ำโขง ทำให้ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกเป็นสีแดง

ปัญหามลพิษส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกส่งสัญญาณเตือนสีแดง ทางการไทยจัดตั้ง 3 ทีมเฉพาะกิจ เพื่อประสานงานความร่วมมือระหว่างประเทศในการเฝ้าระวังผลกระทบด้านสุขภาพจากเหมืองแร่ และเพื่อจัดหาน้ำสำรองทดแทนให้กับชุมชนที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ