ไกล่เกลี่ยข้อตกลงสันติภาพได้ไม่ถึงสองเดือน ไทย-กัมพูชาปะทุอีกครั้ง

เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ผู้นำไทยและกัมพูชา เพิ่งร่วมลงนามในข้อตกลงสันติภาพ โดยมีผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำมาเลเซียเป็นสักขีพยาน แต่มาวันนี้ กลับเกิดการปะทะอีกครั้ง หลังกัมพูชาใช้อาวุธหนักโจมตีไทย ส่งผลให้ทหารไทยเสียชีวิต กองทัพไทยจึงเปิดปฏิบัติการตอบโต้ โดยนายกฯ อนุทิน ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “เป็นการตอบโต้เพื่อให้กัมพูชาเห็นว่าไม่ควรเข้ามาคุกคามอธิปไตยของประเทศไทย จะไม่มีการเจราอีกต่อไป หากกัมพูชาอยากหยุด ต้องทำตามสิ่งที่ประเทศไทยกำหนด”

ชายแดนไทย–กัมพูชาปะทุอีก ทหารไทยดับ 1 บาดเจ็บอีกหลายราย

เสียงระเบิดดังสนั่นสร้างความตื่นตระหนกให้กับชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน ซึ่งต่างรีบเก็บสัมภาระและอพยพออกจากพื้นที่ เหตุการณ์ปะทะระหว่างไทยและกัมพูชาเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ส่งผลให้ทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย และมีผู้บาดเจ็บหลายราย โดยกองทัพอากาศไทยได้ส่งเครื่องบินรบ F-16 เข้าปฏิบัติการโจมตีในฝั่งกัมพูชา

ไทยส่งเครื่องบินรบ F-16 ถล่มกัมพูชา ชาวบ้านอพยพหนีจากพื้นที่

ความขัดแย้งชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาปะทุขึ้นอีกครั้ง โดยทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวหากันว่าละเมิดข้อตกลง ทหารไทยระบุว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีพลเรือนไทยด้วยจรวด BM-21 จนเกิดการปะทะ และเพื่อสกัดการโจมตี ไทยได้ส่งเครื่องบินรบ F-16 เข้าถล่มเป้าหมายทางทหารของกัมพูชา ขณะที่กัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยยืนยันว่ามีเพียงการตั้งรับเท่านั้น ไม่ได้เปิดฉากตอบโต้

ปชช. อพยพจากพื้นที่ชายแดน 35,000 คน รร.ประถมกัมพูชาประกาศหยุด

ไทยสั่งปิดโรงเรียนชายแดน 641 แห่ง พร้อมอพยพประชาชนกว่า 35,000 คน ขณะที่โรงเรียนประถมในกัมพูชาก็ได้รับแจ้งให้ออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน ความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชาเกิดจากการแบ่งเขตไม่ชัดเจน ยืดเยื้อมากว่าหนึ่งศตวรรษ โดยในอดีตกัมพูชาเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส เส้นเขตแดนจึงถูกกำหนดโดยฝรั่งเศส ทั้งนี้เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศได้เกิดการปะทะจากปัญหาพรมแดนต่อเนื่อง 5 วัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 43 คน และประชาชนกว่า 300,000 คนต้องอพยพออกจากพื้นที่