ตะกอนตำบลกวงฟู่อาจเกินแสนตัน มีของเสียปะปน

เหตุการณ์น้ำจากทะเลสาบ ทะลักเข้าท่วมตำบลกวงฟู่ เมืองฮัวเหลียน ได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรง เบื้องต้นคาดว่ามีโคลน ตะกอน เศษซาก และขยะ ไหลปะปนมากับน้ำมากกว่า 100,000 ตัน ทำให้การฟื้นฟูเป็นไปด้วยความยากลำบาก ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หินแปรในภาคตะวันออกมีโลหะหนักสะสมอยู่ ซึ่งอาจเสี่ยงถูกชะล้างลงสู่แหล่งน้ำ จึงเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
ตำบลกวงฟู่เก็บขยะไปแล้ว 7,000 ตัน คาดตะกอนอาจเกินแสนตัน
อาสาสมัครค่อยๆ ขุดลอกดินโคลนออกจากบ้านเรือนและถนน ในพื้นที่ประสบภัยตำบลกวงฟู่ เมืองฮัวเหลียน แต่ภายในนั้นนอกจากจะมีของเสียหลายชนิดปะปนแล้ว ก็ยังมีขยะที่ถูกพัดออกมาจากหลุมฝังกลบด้วย ซึ่งจากการประเมินภาพถ่ายผ่านโดรนล่าสุด คาดว่ามีปริมาณดินโคลนในพื้นที่ประสบภัยกว่า 100,000 ตัน โดยจนถึงเที่ยงวันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมา มีการขนขยะออกไปทิ้งแล้วรวม 7,580 ตัน และดินโคลนอีก 10,267 ตัน ด้านกระทรวงสิ่งแวดล้อมระบุว่า จะทำการประเมินความเป็นไปได้ในการคัดแยกและนำดินโคลนกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ เพื่อให้การฟื้นฟูหลังภัยพิบัติสามารถดำเนินไปพร้อมกับการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน
==เหยียนซวี่หมิง // ผอ.สนง.บริหารจัดการสิ่งแวดล้อม ก.สิ่งแวดล้อมไต้หวัน==
โดยหลักการแล้วทรายชนิดนี้เป็นทรายแม่น้ำ จึงค่อนข้างสะอาด
สามารถนำไปใช้เป็นวัสดุก่อสร้าง ปรับปรุงพื้นที่เพาะปลูก
หรือใช้เป็นดินถมเพื่อกักเก็บขยะ
แน่นอนว่าก่อนนำกลับมาใช้ใหม่ เราต้องทำการทดสอบคุณภาพดินก่อน
กังวลโลหะหนักเจือปน ผู้เชี่ยวชาญร้องรัฐบาลสังเกตการณ์ระยะยาว
สมาคมวิชาชีพนักสาธารณสุข เตือนว่า พื้นที่หินแปรทางภาคตะวันออกของไต้หวันมีปริมาณโลหะหนักตามธรรมชาติอยู่ในระดับสูง เมื่อเกิดภัยพิบัติจะยิ่งถูกเจือปนออกมาได้ง่าย จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเฝ้าสังเกตการณ์พื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่ปลายน้ำในระยะยาว เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับสารปนเปื้อนซ้ำอีก
==ไช่ปิ่งเจียน // ผอ.สมาคมวิชาชีพนักสาธารณสุข กรุงไทเป==
จากประสบการณ์ในอดีต แผ่นดินไหว 21 ก.ย. 1999
รวมถึงเหตุการณ์ภัยพิบัติที่ตุรกีและญี่ปุ่นเหล่านี้
เราพบว่ามีโลหะหนักบางชนิดปนเปื้อนอยู่
หลังภัยพิบัติ ผู้มีผิวแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำบาดาล
เนื่องจากพื้นที่ประสบภัยพิบัติขาดแคลนน้ำ ทางสมาคมฯ จึงเตือนว่า การดื่มน้ำในพื้นที่อาจต้องพึ่งพาน้ำแร่ธรรมชาติจากแหล่งอื่นไปก่อน สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำบาดาล เพราะน้ำบาดาลไหลผ่านดินและชั้นหิน ซึ่งอาจมีส่วนประกอบของโลหะเจือปนออกมา ทั้งนี้แม้ว่าการต้มน้ำจะช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรีย แต่ธาตุนิกเกิลและโครเมียมที่ปนอยู่ก็อาจก่อให้เกิดผิวหนังอักเสบหรืออาการแพ้ได้