งานวิจัยยืนยัน มะเร็งกระเพาะอาหารเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อเอชไพโลไร

หลายคนมักมีอาการปวดท้องหรืออาหารไม่ย่อย ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อเอชไพโลไร (H. Pylori) หากไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่การเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้ ตามสถิติของสำนักงานส่งเสริมสุขภาพไต้หวันพบว่า ผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 90% เคยมีประวัติติดเชื้อเอช.ไพโลไรมาก่อน โดยเชื้อชนิดนี้สามารถแพร่กระจายผ่านการรับประทานอาหารร่วมกันภายในครอบครัวได้
ปีที่แล้ว มะเร็งกระเพาะอาหาร 10 อันดับมะเร็งคร่าชีวิตคนไต้หวัน
มะเร็งกระเพาะอาหารติดอันดับ 8 ใน 10 สาเหตุการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งในไต้หวันในปี ค.ศ. 2024 มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,000 ราย ในอดีตหลายคนเชื่อว่ามะเร็งกระเพาะอาหารมีสาเหตุมาจากการชอบกินปิ้งย่างและอาหารแปรรูป แต่การวิจัยทางการแพทย์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมายืนยันว่า สาเหตุหลักเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร (H. Pylori) ในกระเพาะอาหาร
==นพ.เย่ปิ่งเวย // แพทย์แผนกโรคทางเดินอาหารและตับ รพ.ไถอัน==
มะเร็งกระเพาะอาหารมี 3 ระยะ การอักเสบของกระเพาะอาหารเรื้อรัง
หลังภาวะกระเพาะอักเสบเรื้อรัง จึงจะเข้าสู่ภาวะก่อมะเร็ง
ผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหาร 90% เคยตรวจพบเชื้อเอชไพโลไร
งานวิจัยพบว่า ผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหาร 90% เคยตรวจพบเชื้อเอชไพโลไร สถิติจากกรมส่งเสริมสุขภาพเผยว่า หลังการติดเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร ผู้ป่วยประมาณ 90 % จะมีอาการกระเพาะอักเสบเรื้อรัง แต่หลายคนมักจะมองข้ามอาการปวดท้อง หรืออาหารไม่ย่อย ประมาณ 10% มีแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็ก อีก 1% ถึง 4% จะเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร ซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ที่ไม่ติดเชื้อถึงหกเท่า แพทย์เตือนว่า แม้ได้รับการรักษาแล้ว ก็มีความเสี่ยงติดเชื้อซ้ำผ่านการรับประทานอาหารร่วมกับคนในครอบครัว แนะนำให้สมาชิกในครอบครัวตรวจคัดกรองด้วย
กลุ่มเสี่ยงสูง : ครอบครัวมีประวัติ สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า กินอาหารดอง เค็มจัด
แพทย์ชี้ว่า ผู้ที่ครอบครัวมีประวัติเคยเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลานาน ชอบกินอาหารดอง แปรรูปหรือเค็มจัด ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงต่อมะเร็งกระเพาะอาหาร แนะนำให้ตรวจคัดกรองและรักษาแต่เนิ่น ๆ เพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารได้