IMD จัดอันดับความสามารถในการแข่งขันโลก ไต้หวันอยู่ที่ 8 ไทยอยู่ที่ 25

วันนี้ (18 มิถุนายน พ.ศ. 2567) สถาบัน IMD ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ประกาศดัชนีบ่งชี้ขีดความสามารถในการแข่งขันของโลก (World Competitiveness Yearbook) โดยในปีนี้ไต้หวันถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 8 จาก 67 ประเทศทั่วโลก ขยับขึ้นจากปีที่แล้ว 2 อันดับ ขณะที่ประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 25 ขยับขึ้น 5 อันดับจากปีที่แล้ว
รายงานประจำปีของ IMD World Competitiveness เปิดเผยการจัดอันดับล่าสุดในวันที่ 18
ใน 67 ประเทศที่ได้รับการจัดอันดับ ไต้หวันตกลงจากอันดับที่ 6 ในปีที่แล้วมาอยู่ที่อันดับที่ 8 ในปีนี้ ซึ่งปิดตำนานการปรับอันดับขึ้นตลอด 5 ปี ทำให้เกิดการถกเถียงกัน โดยผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจ ลดลง 6 อันดับ มาอยู่ที่อันดับที่ 26 ของโลก
==ไต้จื้อเหยียน // รองนักวิจัยจากสถาบันเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ CIER==
สาเหตุหลักมาจากในปี 2566
ทั้งโลกกำลังปรับสินค้าคงคลังในห่วงโซ่อุปทาน
อุตสาหกรรมอื่นนอกเหนือจากเซมิคอนดักเตอร์
สถานการณ์โดยรวมในปีที่แล้วไม่ได้ดีอย่างที่คาด
ไต้หวันอยู่อันดับที่ 8 ดีกว่า สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
สภาพัฒนาแห่งชาติชี้ให้เห็นว่า ผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจลดลง สาเหตุหลักมาจากอัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยสูง นำไปสู่อุปสงค์ที่อ่อนแอ อุตสาหกรรมการผลิตในประเทศยังคงปรับสินค้าคงคลังอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อประสิทธิภาพการส่งออก นักลงทุนลงทุนอย่างระมัดระวัง
นอกจากนี้ประสิทธิภาพของภาครัฐ ลดลงมาอยู่อันดับที่ 8 จากอันดับที่ 6 อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มเศรษฐกิจที่มีประชากรมากกว่า 20 ล้านคน ไต้หวันครองอันดับหนึ่งของโลกติดต่อกันสี่ปี แซงหน้าสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
ผู้เชี่ยวชาญแนะให้รักษาความได้เปรียบทางการแข่งขัน
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าไต้หวันจะต้องลงนามข้อตกลงการค้าใหม่กับต่างประเทศ และในขณะเดียวกันก็รักษาตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ เพื่อรวบรวมข้อได้เปรียบของไต้หวันในการแข่งขันระดับโลก