โครงการกวนหง ส่งเสริมการท่องเที่ยวไต้หวันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เมื่อปี พ.ศ. 2558 ไต้หวันเริ่มดำเนิน “โครงการกวนหง” ซึ่งเป็นโครงการลดขั้นตอนการขอวีซ่าให้แก่ 6 ประเทศ อาทิ เวียดนาม อินโดนีเซีย เมียนมา และกัมพูชา เป็นต้น อย่างไรก็ตามจากสถิติพบ ตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงเดือนเมษายน มีนักท่องเที่ยวจากประเทศข้างต้น 68 คน หลบหนีเป็นผีน้อยอยู่ในไต้หวัน
นทท.68 คนใช้วีซ่าท่องเที่ยวแต่หลบหนี กรมการท่องเที่ยว ตรวจสอบเข้ม
(เพื่อส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวจากปท.เป้าหมายนโยบายมุ่งใต้ใหม่มายือนไต้หวัน) เมื่อปี พ.ศ.2558 รัฐบาลไต้หวันเปิดตัวโครงการกวนหง ซึ่งอำนวยความสะดวกในการขอวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่โครงการระงับไปในช่วงโควิด จนถึงเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565 จึงมีการประกาศใช้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม จากสถิติของกรมการท่องเที่ยว (กระทรวงคมนาคม) ตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนเมษายนปีนี้ มีนักท่องเที่ยว 68 คน เข้าไต้หวันในฐานะนักท่องเที่ยวแต่หลบหนี
==เฉินเจี้ยนชิน//ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว==
หัวหน้าไกด์หรือไกด์นำเที่ยวที่จัดโดยบริษัททัวร์
ถ้าวันนี้เขาไม่กลับมา
เช่นไปหาเพื่อนเก่า เขาแจ้งไว้
วันที่ 2 ถ้ายังไม่ได้กลับมา
คุณก็ต้องรายงานทันที
ปีที่แล้ว เวียดนามมี นทท.มากที่สุดใน 6 ปท.ที่เข้าโครงการกวนหง
โครงการกวนหงเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2558 มี 6 ประเทศเข้าร่วม รวมถึงเวียดนาม กัมพูชา และอินโดนีเซีย นักท่องเที่ยวยื่นขอวีซ่าออนไลน์เข้าไต้หวันผ่านตัวแทนการท่องเที่ยวที่กำหนด คาดไม่ถึงว่าในปี 2561 มีนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามหลบหนีถึง 152 คน จากสถิติของกรมการท่องเที่ยว ปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวจากโครงการกวนหง 54,209 คน โดยนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามมีสัดส่วนมากที่สุด รองลงมาคืออินโดนีเซียและกัมพูชา (จำนวนนักท่องเที่ยวที่หลบหนีส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวเวียดนาม) ตั้งแต่ปี 2565 ถึงเดือนเมษายนปีนี้ มีนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามหลบหนี 60 คน
เพิ่มมาตรการตรวจสอบเข้ม ป้องกันนักท่องเที่ยวหลบหนี
ขณะนี้กรมการท่องเที่ยวได้ออกกฎควบคุมสำหรับบริษัททัวร์ต่างประเทศและบริษัททัวร์ในประเทศ กำหนดกลไกการป้องกันและระงับ หากกลุ่มทัวร์มีสมาชิกสูญหาย ตัวแทนบริษัททัวร์จะต้องรายงานภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้ตำรวจและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองดำเนินการสืบหาตัว