ผลกระทบจากภาษี ไต้หวัน-สหรัฐฯ คนทำงานประจำทำงานเสริมเพิ่มขึ้น
การเจรจาภาษีระหว่างไต้หวันและสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อไป ผลสำรวจพบว่า เกือบ 38% ของพนักงานระบุว่าสถานการณ์การดำเนินธุรกิจของบริษัทที่ทำงานได้รับผลกระทบจากภาษีดังกล่าว ผลสำรวจยังชี้ว่า ปีนี้จำนวนพนักงานที่ทำงานเสริมเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 7% สะท้อนว่าความไม่แน่นอนของการเจรจาภาษีทำให้บางคนรู้สึกไม่มั่นคง จึงต้องหาช่องทางรายได้เพิ่มเติม
การเจรจาภาษียังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง มนุษย์เงินเดือนวิตกเดือดร้อน
การเจรจาภาษีระหว่างไต้หวันและสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อไป โดยสหรัฐฯ กำหนดอัตราภาษีชั่วคราวต่อไต้หวันที่ 20% การที่ภาษียังไม่สรุป ทำให้ความไม่แน่นอนในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น และมนุษย์เงินเดือนกังวลว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบ จึงหันไปทำงานพาร์ตไทม์เพิ่มขึ้น
==นายเวิน // พนักงานพาร์ตไทม์==
โดยเฉลี่ยจะหยุดเดือนละวัน
แต่บางทีก็ทำเต็มแม็ก
รายได้ต่อเดือนน่าจะราว 50,000 เหรียญไต้หวัน
38% ของพนักงานกังวลว่าบริษัทได้รับผลกระทบจากภาษีทรัมป์
จากการสำรวจของเว็บไซต์หางาน พบว่าเกือบ 38% ของพนักงานกังวลว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบจากภาษีระหว่างไต้หวัน–สหรัฐฯ ความกังวลอันดับหนึ่งคือ ถูกเลิกจ้าง รองลงมาคือ ลดเงินเดือนหรือหยุดไม่มีค่าจ้าง นอกจากนี้ยังมีบางส่วนกังวลว่า โบนัสปลายปีจะถูกตัดหรือถูกลดลง หรือบริษัทอาจปิดกิจการและเลิกจ้างพนักงาน
ปีที่แล้ว 26% ของพนักงานมีงานพาร์ตไทม์ ปีนี้เพิ่มเป็น 33%
การสำรวจยังพบว่า ปีที่แล้วมีพนักงานประจำทำงานพาร์ตไทม์เพียง 26% แต่ปีนี้เพิ่มเป็น 33% เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน
==จวง อวู่ เจี๋ย // โฆษกเว็บไซต์หางาน
หลายคนเริ่มหางานพาร์ตไทม์
เพื่อสร้างความมั่นคงให้ตัวเอง
ดังนั้นจึงเริ่มทำงานพาร์ตไทม์เพิ่มขึ้น
งานพาร์ตไทม์ยืดหยุ่น รายได้ดี ไม่ต้องกังวลเศรษฐกิจโลก
บางคนมองว่างานพาร์ตไทม์มีเวลายืดหยุ่นมากกว่า และรายได้สูงกว่างานประจำ ถ้าเกิดความเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจโลกอย่างกะทันหัน ก็จะ ไม่กระทบมากเท่างานประจำ
