งานวิจัยเผย คนมีสมาธิเฉลี่ยเหลือเพียง 47 วินาที

คนยุคใหม่มีแนวโน้มสมาธิสั้นลงอย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมติดโทรศัทพ์มือถือ ผลวิจัยในสหรัฐฯ ชี้ว่า ระยะเวลาที่ผู้คนสามารถจดจ่อกับหน้าจอเดิมในปี 2547 เฉลี่ยอยู่ที่ 2 นาทีครึ่ง แต่ในปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 47 วินาทีเท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า การงดใช้โทรศัพท์มือถือเป็นระยะๆ สามารถช่วยฟื้นฟูสมาธิได้

คนยุคใหม่แทบไม่เคยปล่อยมือถือให้ห่างตัว คอยเช็กตลอดเวลาเพราะกลัวพลาดการแจ้งเตือน คนยุคดิจิทัลยิ่งไม่มีความอดทนพอจะอ่านหนังสือจนจบ แต่กลับสามารถจ้องหน้าจอมือถือได้นานหลายชั่วโมง ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า สมาธิของคนเรากำลังสั้นลงเรื่อย ๆ จากงานวิจัยในสหรัฐฯที่ศึกษามากว่า 20 ปีพบว่า เวลาที่คนสามารถโฟกัสอยู่กับหน้าจอเดียวกันได้โดยเฉลี่ยลดลงจาก 2 นาทีครึ่งในปี 2547 เหลือเพียง 47 วินาทีในปัจจุบัน

การแจ้งเตือนในมือถือดึงดูดความสนใจมากขึ้น สมองเปลี่ยนการรับข้อมูล

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า การเปลี่ยนความสนใจไปมานั้นไม่ใช่ข้อบกพร่อง แต่เป็นลักษณะหนึ่งของวิวัฒนาการมนุษย์ สะท้อนว่าสิ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจของเรามีการเปลี่ยนแปลง ในอดีต บรรพบุรุษของเราต้องตื่นตัวกับอันตรายจากสัตว์ที่ซุ่มอยู่ในพุ่มไม้ แต่ปัจจุบัน สิ่งที่ดึงดูดเรา คือการแจ้งเตือนจากมือถือและข่าวสารต่าง ๆ

==ดร.ไมเคิล ซิฟรา (Dr. Michael Ziffra)//แพทย์จิตเวชจากศูนย์การแพทย์นอร์ธเวสเทิร์น==
สมาธิคล้ายกับกล้ามเนื้อในหลายแง่มุม
สามารถพัฒนาให้แข็งแรงขึ้นได้ด้วยการฝึกฝน
หากไม่ฝึกฝนก็จะเสื่อมถอยลง

ลดการพึ่งพามือถือ หันมาพัฒนาความสนใจและกิจกรรมอื่น ๆ

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า การวางมือถือไว้สักครึ่งชั่วโมงและหันไปทำกิจกรรมอื่น เป็นวิธีฝึกสมาธิของสมองใหม่ นอกจากนี้ การลดจำนวนแอปโซเชียลมีเดียและปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น ก็เป็นวิธีช่วยปรับความสนใจของสมองให้ดีขึ้นเช่นกัน