ก.คมนาคม:วางแผนปรับลดอายุต่อใบขับขี่เป็น 70 ปี เหมือนญี่ปุ่น

ไต้หวันเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์แล้ว ซึ่งในช่วงนี้ประเด็นเรื่องการต่ออายุใบขับขี่ของผู้สูงวัยถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง เมื่อวานนี้ (20 พ.ค. 68) กระทรวงคมนาคมประกาศว่า จะปรับอายุการต่ออายุใบขับขี่ของผู้สูงวัยจาก 75 ปี เป็น 70 ปี เหมือนประเทศญี่ปุ่น และในอนาคตจะพัฒนาระบบการต่ออายุใบขับขี่ของผู้สูงวัยให้มีประสิทธิภาพและอิงตามหลักวิทยาศาสตร์มากขึ้น
ทดสอบเข้มข้นความสามารถขับขี่ของผู้สูงอายุ
จากอุบัติเหตุร้ายแรงที่เขตซานเสีย จนส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต กระตุ้นให้ทุกภาคส่วนหันมาให้ความสนใจกับกลไกการต่ออายุใบขับขี่ของผู้สูงอายุ โดยกระทรวงคมนาคมไต้หวัน ประกาศว่า จะปรับลดอายุการต่อใบขับขี่เป็น 70 ปี เร็วที่สุดมีผลบังคับใช้ในปีหน้า และคาดว่าจากปัจจุบันที่ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไปมีใบขับขี่ประมาณ 1,826,000 คน หลังจากนี้ 10 ปี จะเพิ่มเป็น 2,720,000 คน ซึ่งส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมาก ดังนั้นในอนาคตวิธีการทดสอบความสามารถในการขับขี่ของผู้สูงอายุก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน
==เฉินซื่อไข่//รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมไต้หวัน==
ในอนาคตแน่นอนว่าเราจะใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นำวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่ดีขึ้นมาใช้ในการทดสอบ
ความสามารถในการขับขี่ของผู้สูงอายุทุกคน
ขอเปลี่ยนใบขับขี่ของญี่ปุ่น.อังกฤษ 70 ปี เกาหลี.สิงคโปร์ 65 ปี
เมื่อเปรียบเทียบอายุที่ต้องขอเปลี่ยนใบขับขี่ของประเทศต่างๆ ญี่ปุ่นกับอังกฤษ 70 ปีขึ้นไป, เกาหลีใต้กับสิงคโปร์ 65 ปีขึ้นไป ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นการต่ออายุใบขับขี่ไม่เพียงแต่ต้องเข้าร่วมการอบรมด้านความปลอดภัยเท่านั้น แต่หากมีอายุครบ 75 ปีขึ้นไป ยังต้องผ่านการทดสอบด้านการรับรู้กับความสามารถในการขับขี่ และหากมีประวัติการกระทำผิดกฎจราจร จะต้องผ่านการสอบขับรถจริงในสนามจึงจะสามารถต่ออายุใบขับขี่ได้ ส่วนที่เกาหลีใต้ก็กำหนดให้มีการตรวจสอบทุก ๆ 5 ปี และเมื่อมีอายุเกิน 75 ปี จะลดระยะเวลาการตรวจสอบเหลือทุก 3 ปี ขณะที่สิงคโปร์ก็กำหนดให้ผู้ที่มีอายุเกิน 65 ปีต้องได้รับการประเมินโดยแพทย์
==จางซูชิง//เลขาธิการ Federation for the Welfare of Taiwan’s Seniors==
อย่างแรกคือการขนส่งที่เหมาะสมไม่เพียงพอกับความต้องการ
ถัดมาคือระบบขนส่งยังครอบคลุมไม่ทั่วถึง
และก็ยังมีเวลาที่ใช้ในการเดินทางนั้นนานเกินไป
จึงทำให้ผู้สูงอายุจำนวนมากยังคงอยากขับรถเองอยู่
ขนส่งสาธารณะไม่ทั่วถึง NGO แนะปรับเครือข่ายเส้นทางถนน
การต่อใบขับขี่ของผู้สูงอายุ ส่งผลให้หลายฝ่ายออกมาถกเถียงตั้งแต่ประเด็นการปรับลดอายุ และการทดสอบที่เข้มงวดมากขึ้น แต่ทางสมาพันธ์ผู้สูงอายุไต้หวันมองว่า ความเสี่ยงในการขับขี่ไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุเท่านั้น ขณะที่พื้นที่ห่างไกลซึ่งขนส่งสาธารณะไม่ทั่วถึงก็ทำให้ผู้สูงอายุยังคงต้องขับรถ ดังนั้นจึงควรพิจารณาความเหมาะสมของเครือข่ายเส้นทางคมนาคมด้วย