ตอบสนองมาตรการภาษี สภาบริหารอนุมัติงบพิเศษ 4.1 แสนล้าน

เพื่อรับมือกับมาตรการภาษีของสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (25 เม.ย. 68) สภาบริหารได้อนุมัติงบประมาณพิเศษวงเงินสูงถึง 4.1 แสนล้านเหรียญไต้หวัน พร้อมเน้นย้ำว่าจะใช้เงินเกินดุลประจำปีเป็นแหล่งเงินทุนทั้งหมดโดยไม่ต้องกู้ยืม ส่วนข้อเสนอที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้นำเงินภาษีที่จัดเก็บได้เกินเป้ามาแจกให้ประชาชน สภาบริหารเห็นว่าไม่ใช่ทางออกที่เหมาะสมที่สุดในการแก้ปัญหา

โครงการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมเพิ่มเป็น 9.3 หมื่นล้าน

เมื่อวันที่ 24 มี.ค. ที่ผ่านมา สภาบริหารไต้หวันได้มีมติเห็นชอบผ่านร่างงบประมาณตอบสนองต่อสถานการณ์โลกมูลค่ารวม 410,000 ล้านเหรียญไต้หวัน ซึ่งในจำนวนนี้งบประมาณเดิมของโครงการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมจาก 88,000 ล้านเหรียญไต้หวัน เพิ่มเป็น 93,000 ล้านเหรียญไต้หวัน

หนุนการไฟฟ้าฝ่าย ประกัน รง. กับสุขภาพ รวมอยู่ในงบพิเศษ

ร่างข้อเสนอนี้มี 10 มาตรการ เช่น เพิ่มขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรม ให้เงินอุดหนุนภาคการเกษตร อัดฉีดทุนให้การไฟฟ้ากับประกันสังคม เพิ่มการดูแลกลุ่มเปราะบาง และเพิ่มศักยภาพในการป้องกันประเทศ

มาตรการผ่อนปรนเงื่อนไขการสนับสนุนการแปลงรูปธุรกิจ

เพื่อรับมือกับภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ มาตรการสนับสนุนอุตสาหกรรมได้ผ่อนปรนเงื่อนไข ไม่เพียงลดเกณฑ์การถดถอยของผลประกอบการจาก 15% เป็น 10% แต่ยังขยายสิทธิ์การขอทุนวิจัยและพัฒนา รวมถึงการยื่นขอคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ ซึ่งไม่ว่าจะได้รับผลกระทบโดยตรงหรือทางอ้อมจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ก็สามารถยื่นขอได้

ยอดเกินดุล 8 ปีต่อเนื่อง ครอบคลุมงบใช้จ่าย ไม่จำเป็นต้องกู้

ที่ประชุมสภาบริหารไต้หวันยังได้อนุมัติงบรวมสุดท้ายของรัฐบาลกลางปี 2024 โดยมีรายรับรายจ่ายสุทธิเหลืออยู่ที่ 358,900 ล้าน และนับเป็นยอดเกินดุลติดต่อกันเป็นปีที่ 8 ซึ่งสามารถนำมาใช้รองรับงบประมาณ 410,000 ล้านได้ จึงไม่จำเป็นต้องกู้เงิน

==จั๋วหรงไท่ // นายกรัฐมนตรี==
ถ้าคุณแจกเงิน 10,000 ให้ทุกคน
ก็ไม่เท่ากับเอาเงิน 5,000
ไปให้คนที่ไม่มีเงิน 5,000 อยู่ในมือยัง
เราใช้แนวคิดแบบนี้
เพื่อดูแลคนที่เปราะบางก่อน

การทูต การทหาร และการคลัง กระทบหนัก แจกเงินไม่ใช่ทางออก

ล่าสุดกระทรวงการคลังเผยว่า รายได้สุทธิจากการจัดเก็บภาษีสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ 528,300 ล้าน โดยพรรคฝ่ายค้านเสนอแจกเงินสด 10,000 เหรียญไต้หวัน และกำหนดกฎหมายเพื่อคืนภาษีจากการจัดเก็บเกินเป้าที่กำหนด แต่นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ในช่วงที่ประเทศเผชิญผลกระทบรุนแรงทั้งการทูต การทหาร และการคลัง การแจกเงินสดจึงไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาของประเทศ