ตำรวจรวบแก๊งล้วงกระเป๋าชาวฟิลิปปินส์ 3 ราย

สมาคมแลกเปลี่ยนระหว่างญี่ปุ่น-ไต้หวัน (Japan-Taiwan Exchange Association) เพิ่งประกาศเตือนชาวญี่ปุ่นที่มาท่องเที่ยวในไต้หวัน ให้ระวังมิจฉาชีพล้วงกระเป๋า โดยเฉพาะในย่านถนนโบราณและตลาดกลางคืน ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมสมาชิกแก๊งล้วงกระเป๋าชาวฟิลิปปินส์ 3 คนได้ที่ถนนโบราณจิ่วเฟิ่น โดยหนึ่งในนั้นเคยมีประวัติล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่ถนนหย่งคังในกรุงไทเปเมื่อปีนี้
ตำรวจจับพิรุธขณะโจรกำลังส่งสัญญาณให้กัน
ชายสองคนสวมหมวกบักเก็ตแอบซุ่มสังเกตการณ์รอเพื่อนร่วมขบวนการมาสมทบ ก่อนจะส่งสัญญาณยืนยันเป้าหมายเล็งไปที่ชายคนหนึ่ง แต่จังหวะก่อนลงมือกลับไหวตัวทันว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจซุ่มมองอยู่ จึงส่งสัญญาณลับเพื่อหาทางหนี
==หวังหงเสียง//สารวัตรสืบสวน สน.รุ่ยฟาง นิวไทเป==
ตำรวจนอกเครื่องแบบแฝงตัวกับนักท่องเที่ยว จับตาอย่างใกล้ชิด
3 ผู้ต้องหาชาวฟิลิปปินส์ 1 รายเอี่ยวคดีล้วงกระเป๋าย่านหย่งคัง
ตำรวจปิดล้อมจับกุมชายชาวฟิลิปปินส์ 3 คนที่จิ่วเฟิ่นขณะกำลังพยายามหลบหนี อย่างไรก็ตามยังมีผู้ต้องหาอีกคนอยู่เบื้องหลังซึ่งไม่ได้ปรากฎตัวในที่เกิดเหตุ ตอนนี้หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว
นทท.ญี่ปุ่นตกเป็นเป้า สมาคมญี่ปุ่น-ไต้หวันออกประกาศเตือน
จากการสืบประวัติพบว่าหนึ่งในผู้ต้องหาเกี่ยวข้องกับคดีล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นในเขตหย่งคัง โดยคนร้ายจะใช้อุบายเดินชนท่ามกลางฝูงชนจำนวนมาก ซึ่งระยะนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในหมู่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ล่าสุด สมาคมแลกเปลี่ยนญี่ปุ่น-ไต้หวันได้ออกประกาศเตือนผ่านเว็บไซต์เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ชาวญี่ปุ่นถูกล้วงกระเป๋าแล้วอย่างน้อย 16 คดี
ล่าสุด มีคำเตือนให้ระวังโจรล้วงกระเป๋าในหลายสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของไต้หวัน โดยจนถึงปัจจุบัน มีคดีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นถูกล้วงกระเป๋าแล้วอย่างน้อย 16 คดี ตำรวจเร่งสืบสวนจนสามารถจับแก๊งล้วงกระเป๋าข้ามชาตินี้ได้ ซึ่งหลังจากก่อเหตุคนร้ายจะหลบหนีออกนอกประเทศและส่งสมาชิกกลับมาก่อเหตุในไต้หวันอีก ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า ทำไมไต้หวันจึงตกเป็นเป้าหมายของขบวนการนี้
==รศ.หวงเจิ้งชง//อาจารย์ภาควิชาการท่องเที่ยว ม.PU ==
ฟิลิปปินส์ตั้งอยู่ใกล้กับไต้หวัน
ดังนั้นหากพวกเขาคิดก่อเหตุลักทรัพย์ในต่างประเทศ
เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้ๆกัน
เลยทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายไม่สูงนัก
ประกอบกับไต้หวันและฟิลิปปินส์
ยกเว้นวีซ่าให้กันและกันด้วย
หากกำจัดผู้บงการไม่ได้ อาจกระทบภาพลักษณ์ในสายตาชาวโลก
แม้ว่าจะสามารถจับกุมสมาชิกขบวนการได้บางส่วน หากผู้บงการเบื้องหลังยังคงลอยนวล เกรงว่าจะมีการก่อเหตุซ้ำ จนเสียภาพลักษณ์ของไต้หวันในสายตาชาวโลก