85% ของพนักงานออฟฟิศเคยเจอการหลอกลวง สูญเงินเฉลี่ย 2 แสน
มิจฉาชีพในไต้หวันยังคงระบาด ตามสถิติจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า กุมภาพันธ์ปีนี้ มีคดีหลอกลวงกว่า 10,000 คดี มูลค่าความเสียหายสะสมเกิน 6,000 ล้านเหรียญไต้หวัน นอกจากนี้ สำรวจพบว่า 85% ของพนักงานออฟฟิศเคยถูกมิจฉาชีพหลอก ความเสียหายเฉลี่ย 217,000 เหรียญไต้หวัน โดยกลุ่มที่มีความกดดันเรื่องเงินและการสร้างครอบครัวมีอัตราการถูกหลอกสูงที่สุด
หลงเชื่อการหลอกลวงผ่านแอปหาคู่ ลงทุน 6 แสนแต่สูญหมด
นายเจิ้ง พนักงานออฟฟิศวัย 28 ปี ได้รู้จักกับหญิงสาวที่อ้างว่ามาจากสิงคโปร์ และเป็นผู้ประกอบการผ่านแอปหาคู่ ฝ่ายหญิงหลอกล่อโดยอ้างว่าตลาดซื้อขายเพิ่งเปิดใหม่ และหากลงทุนล่วงหน้าจะได้รับผลตอบแทนสูง ทำให้นายเจิ้งหลงเชื่อลงทุนไป 600,000 เหรียญไต้หวัน จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อต้องการถอนเงินสดออกมา เขาถึงพบว่าเป็นกลโกง
สถิติ: ก.พ. พบคดีฉ้อโกงกว่าหมื่นราย ความเสียหายเกิน 6 พันล้าน
ตามสถิติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ มีคดีฉ้อโกงมากกว่า 10,000 คดี รวมมูลค่าความเสียหาย มากกว่า 6 พันล้านเหรียญไต้หวัน
พนง. ภาคการเงินถูกหลอก 10% แต่ภาคบริการโดนหลอกเกิน 50%
จากผลสำรวจเกี่ยวกับประสบการณ์การถูกโกงของพนักงานออฟฟิศ พบว่าประเภทการโกงที่พบบ่อยที่สุด คือ การลงทุนปลอม, การโกงผ่าน SMS, การช้อปปิ้งออนไลน์ และการหลอกลวงแอบอ้างว่าได้รับรางวัล และพนักงานภาคการเงินมีโอกาสถูกหลอกน้อยที่สุด เพียง 10% ที่ตกเป็นเหยื่อ ขณะที่พนักงานในภาคบริการมีอัตราการถูกหลอก มากกว่า 50% และค่าเสียหายเฉลี่ยของพนักงานที่ถูกโกงอยู่ที่ 217,000 เหรียญไต้หวัน
==เจิ้งจ้งเหว่ย // ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์เว็บไซต์จัดหางาน==
กลุ่มอายุ 36-40 ปี
เป็นกลุ่มที่มีโอกาสถูกหลอกมากที่สุด
เนื่องจากพวกเขามีความต้องการลงทุนสูง
และอาจมีความต้องการสร้างครอบครัว
ทำให้ตกเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพ
ในรูปแบบการลงทุนและการหลอกลวงผ่านแอปหาคู่
เตือนให้ระวังงานเงินเดือนสูงแต่เงื่อนไขต่ำ
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า คนรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์ทำงานน้อย ควรระมัดระวังข้อเสนองานที่ให้ค่าตอบแทนสูง แต่เงื่อนไขต่ำ หรือไม่ต้องสัมภาษณ์ก่อนเข้าทำงาน เนื่องจากอาจเป็นการหลอกลวงได้
