เมาแล้วขับชนนักศึกษาชายดับ ญาติจวกไร้ประสิทธิภาพในการบังคับใช้ กม.
เช้าตรู่ของวันที่ 8 มีนาคม เกิดเหตุเมาแล้วขับชนนักศึกษาชายเสียชีวิต ญาติผู้ตายตั้งคำถามเทศบาลนครไทจงขาดประสิทธิภาพในการตรวจจับผู้ที่เมาแล้วขับ องค์กรเพื่อการป้องกันการเมาแล้วขับ ออกมาชี้ว่า ไทจงติดอันดับเมืองที่มียอดการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากเมาแล้วขับสูงที่สุดในไต้หวันติดต่อกัน 2 ปี ควรรีบแก้ไข
ตำรวจจับกุมชายต้องสงสัยว่าขับรถชนนักศึกษาแซ่เฉินซึ่งเป็นไรเดอร์ส่งอาหาร เมื่อช่วงเช้าวันที่ 8 มีนาคม โดยตรวจพบระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงถึง 0.37 แม่ของผู้เสียชีวิตตั้งคำถามถึงการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการเมาแล้วขับของเทศบาลไทจง
==แม่ผู้เสียชีวิต==
การบังคับใช้กฏหมาย (ประสิทธิภาพ)
หรือว่าที่ภาคเหนือเข้มงวดกว่า
ที่ภาคกลาง ภาคใต้ ทำไมถึง
ค่อนข้าง ค่อนข้าง (เบา)
ทำไมถึงมีความแตกต่างแบบนี้
ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุแล้ว ผู้ว่าการไทจง:เพิ่มความเข้มงวดกฎหมายแล้ว
ตำรวจพบว่าชายดังกล่าวมีประวัติขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ถึง 3 ครั้ง ซึ่งศาลได้อนุมัติคำร้องของอัยการให้ควบคุมตัวแล้ว ส่วนกรณีเมาแล้วขับจนทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตในครั้งนี้ ทางเทศบาลไทจงระบุว่า ได้เพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายมากขึ้นแล้ว
==หลี่เหวินจาง// ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครไทจง ==
ขอแก้ไขข้อมูลนิดนึง (จำนวนคดีเมาแล้วขับ) ของเรา
ไม่ได้สูงที่สุดใน 6 นคร แต่เราสูงเป็นอันดับที่ 2
แน่นอนว่า สถิตินี้ ยังสามารถหารือเพิ่มเติมได้
อุบัติเหตุเมาแล้วขับสูงสุดในไต้หวัน ตรวจเข้ม 5 วัน เริ่มวันนี้
สถานีตำรวจนครไทจงได้ประกาศเริ่มดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการเมาแล้วขับอย่างเข้มงวดเป็นระยะเวลา 5 วันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการแถลงเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้จำนวนการเมาแล้วขับยังคงสูงอยู่ จากข้อมูลของกระทรวงคมนาคม พบว่าอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับจนทำให้มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บในนครไทจง แม้ว่าในปี 2567 จะลดลงจากปี 2566 จำนวน 211 คน แต่ยังคงสูงที่สุดในประเทศติดต่อกันเป็นปีที่ 2
ป้องกันเมาแล้วขับต้องเริ่มจากต้นตอ ควบคุมแอลกอฮอล์+ผู้ประกอบการ
สมาคมป้องกันการเมาแล้วขับและดูแลสังคมในไต้หวัน ระบุว่า นอกจากการใช้กฎหมายในการป้องกันการเมาแล้วขับแล้ว ยังต้องแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ หน่วยงานต่างๆ ควรร่วมมือกันควบคุมแหล่งที่มาของแอลกอฮอล์ พร้อมทั้งกำหนดข้อบังคับที่เหมาะสมสำหรับผู้ประกอบการ และจัดตั้งระเบียบปกครองท้องถิ่น เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต