4 ปี รัฐประหารเมียนมา ผู้ลี้ภัยทะลักไทยกว่า 3.7 ล้านคน
หลังเกิดรัฐประหารในเมียนมาเมื่อปี 2564 สงครามกลางเมืองยังดำเนินต่อเนื่องมาเกิน 4 ปี ปัจจุบันมีชาวเมียนมากว่า 3,700,000 คนที่อพยพหรือลี้ภัยมายังประเทศไทย หลายคนเลือกอาศัยอยู่ในเมืองชายแดนใกล้บ้านเกิด ทำให้พื้นที่ชายแดนเหล่านี้กลายเป็นแหล่งการค้าพิเศษที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
ชาวเมียนมาส่วนใหญ่ปักหลักตามแนวชายแดน กลายเป็นแหล่งค้าขาย
แนวชายแดนไทย-เมียนมาถูกปิดกั้นด้วยรั้วลวดหนาม เพื่อป้องกันการข้ามแดนโดยไม่ได้รับอนุญาต ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบอย่างต่อเนื่องในประเทศ ทำให้มีผู้ลี้ภัยชาวเมียนมาเป็นจำนวนมากเดินทางข้ามพรมแดนเข้าสู่ประเทศไทย และด้วยค่าครองชีพที่สูงกว่า ทำให้ตลาดชายแดนซึ่งมีราคาสินค้าถูก กลายเป็นแหล่งจับจ่ายสำคัญของพวกเขา
==หยางจื้อเฉียง//ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ สถานีโทรทัศน์ PTS==
จุดที่ผู้สื่อข่าวอยู่ตอนนี้
คืออำเภอแม่สอด ซึ่งเป็นชายแดนไทย-เมียนมา
ฝั่งตรงข้ามรั้วกั้นนี้
คือดินแดนของเมียนมา
ข้าวของที่ขายในบริเวณชายแดนแห่งนี้
เนื่องจากไม่ต้องเสียภาษี
จึงทำให้ราคาถูกกว่าที่ขายอยู่ในไทยมาก
ด้วยสภาพแวดล้อมที่มีความพิเศษ
ทางการไทยจึงเลือกที่จะมองข้าม
เพื่อให้ชาวบ้านอยู่รอดได้
==นูซา//ลูกค้า==
สินค้าบริเวณนี้หากเทียบกับที่ขายในอำเภอแม่สอดแล้ว
ราคาถูกกว่ามาก
เพราะซื้อในไทยจะเป็นราคาปลีก
ร้านค้าในไทยซื้อของปริมาณมากในราคาส่งมาจากเมียนมา
แต่เราสามารถซื้อจากที่นี่ได้ในราคาส่ง
ชาวเมียนมาส่วนใหญ่ปักหลักตามแนวชายแดน กลายเป็นแหล่งค้าขาย
ชาวเมียนมาหลายคนที่ต้องพลัดถิ่นเลือกปักหลักอยู่ตามแนวชายแดน เนื่องจากมองว่าสามารถเดินทางกลับบ้านเกิดได้สะดวก อีกทั้งค่าครองชีพที่ต่ำกว่าฝั่งไทยยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย
4 ปี รัฐประหารเมียนมา ผู้ลี้ภัยทะลักไทยกว่า 3.7 ล้านคน
จากข้อมูลล่าสุดขององค์การสหประชาชาติในปี พ.ศ. 2568 พบว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุรัฐประหารในเมียนมาเมื่อปี พ.ศ. 2564 มีชาวเมียนมาอพยพเข้าสู่ประเทศไทยแล้วกว่า 3.7 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ความขัดแย้งในเมียนมายังดำเนินต่อไป ความหวังที่ผู้ลี้ภัยเหล่านี้จะได้กลับบ้านก็ยังคงริบหรี่
