คณะรัฐมนตรีมีมติแก้ไขกฎหมายแพ่ง แยกกันอยู่ 3 ใน 5 ปี สามารถขอหย่าได้
เมื่อวานนี้คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้แก้ไขกฎหมายแพ่ง ผ่อนปรนเงื่อนไขการหย่า โดยในอนาคตหากคู่สมรสแยกกันอยู่ 3 ใน 5 ปี จะสามารถยื่นคำร้องขอหย่าได้ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มข้อกำหนดใหม่ว่า หากมีการแต่งงานใหม่ จะไม่สามารถขอค่าเลี้ยงดูจากการแต่งงานครั้งก่อนได้
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติแก้ไข กฎหมายแพ่ง ที่สำคัญคือการผ่อนปรนเงื่อนไขการหย่า ยกเลิกข้อกำหนดที่ต้องพิสูจน์ว่าอีกฝ่ายถูกพ่อแม่สามีหรือภรรยาทรมาน มีโรคทางจิตขั้นร้ายแรง หรือขาดการติดต่อเกิน 3 ปี ทั้งนี้ ได้อ้างอิงแนวทางกฎหมายต่างประเทศ และเพิ่มข้อกำหนดใหม่ว่า หากคู่สมรสแยกกันอยู่ 3 ปีภายใน 5 ปี สามารถยื่นขอหย่าได้
แต่งงานใหม่ไม่ได้รับค่าเลี้ยงดู แต่ไม่กระทบค่าเลี้ยงดูบุตร
นอกจากนี้ การแก้ไขกฎหมายยังรวมถึงข้อกำหนดให้คู่สมรสสามารถร้องขอให้ศาลสั่งให้อีกฝ่ายเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินในการแบ่งสินสมรส ในส่วนของค่าเลี้ยงดู ไม่จำกัดเฉพาะฝ่ายที่ไม่มีความผิดเท่านั้น แต่หากฝ่ายใดประสบปัญหาทางการเงินหลังหย่าก็สามารถร้องขอได้ อย่างไรก็ตาม หากแต่งงานใหม่ จะไม่มีสิทธิได้รับค่าเลี้ยงดูอีกต่อไป แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อค่าเลี้ยงดูบุตร
==หวง ซื่อ เจี๋ย // รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรม ==
ค่าเลี้ยงดูตามกฎหมาย
ควรแยกออกจาก
ค่าเลี้ยงดูบุตร
กลุ่มสตรีชี้ว่ายังมีช่องโหว่ ยังมีช่องทางปฏิรูป
องค์กรด้านสิทธิสตรีมองว่า การแก้ไขกฎหมายครั้งนี้ช่วยผ่อนปรนเงื่อนไขการหย่าและค่าเลี้ยงดูได้บางส่วน แต่ยังมีประเด็นที่ต้องถกเถียงเพิ่มเติม
==หวัง เสี่ยวหาน // ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบาย มูลนิธิ Awakening==
การแบ่งงานในครอบครัว
ทำให้ผู้หญิงต้องทุ่มเท
เวลาและแรงกายให้แก่การดูแลครอบครัว
ซึ่งส่งผลให้โอกาส
ในตลาดแรงงานของพวกเธอลดลง
กลุ่มสตรีเรียกร้องให้ค่าเลี้ยงดูเป็นค่าตอบแทนที่ผู้หญิงเสียสละเพื่อครอบครัว
กลุ่มสิทธิสตรีเสนอว่า ผู้หญิงที่ต้องออกจากตลาดแรงงานเพื่อดูแลครอบครัว ทำให้สูญเสียโอกาสทางอาชีพ ผลกระทบนี้ ไม่หายไปเพียงเพราะแต่งงานใหม่ ดังนั้น ค่าเลี้ยงดูควรถูกมองว่าเป็น ค่าตอบแทนสำหรับการเสียสละของผู้หญิง เพื่อช่วยเหลือสตรีกลุ่มเปราะบางทางเศรษฐกิจ
