เน็ตไอดอลโพสต์คลิปขอโทษ หลังถูกปรับเนื่องจากปล่อยโคมบนรางรถไฟ

เมื่อไม่นานมานี้ มีอินฟลูเอนเซอร์ ถูกร้องเรียนว่า ปล่อยโคมลอยบนรางรถไฟ ที่ถนนโบราณสือเฟิน นครนิวไทเป จนถูกปรับเป็นเงิน 10,000 เหรียญไต้หวัน ภายหลังเขาได้ถ่ายคลิปขอโทษ โดยทางการรถไฟได้ออกมาเตือนว่า การเข้าไปในรางรถไฟโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000-50,000 เหรียญไต้หวัน ด้านเทศบาลนครนิวไทเปก็เน้นย้ำว่า หากปล่อยโคมลอยนอกเขตที่กำหนด มีโทษปรับ 3,000 เหรียญไต้หวัน
เทศกาลโคมลอยสือเฟิน ดึงดูด นทท. ทั้งในและต่างประเทศ
เมื่อมาถึงตรอกโบราณสือเฟินของนครนิวไทเป นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสบรรยากาศรางรถไฟย้อนยุคอย่างใกล้ชิดและร่วมปล่อยโคมลอย เสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์นี้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก แต่สิ่งที่ต้องระวังคือห้ามปล่อยโคมลอยบนรางรถไฟ เพราะนอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังต้องสูญเงินค่าปรับอีกด้วย
==คุณเลี่ยว//นักท่องเที่ยวต่างชาติ==
ทางร้านบอกว่าเราปล่อยโคมลอยตรงนี้ได้
ฉันก็ทำตามที่เขาบอก
แต่ก็รู้สึกว่าถ้าเข้าไปบนรางรถไฟ
ก็อาจจะอันตราย
เน็ตไอดอลโพสต์คลิปขอโทษ หลังถูกปรับเนื่องจากปล่อยโคมบนรางรถไฟ
ก่อนหน้านี้มีเน็ตไอดอลคอนเทนท์ทำท่องเที่ยวรายหนึ่ง เดินทางไปปล่อยโคมลอยพร้อมอัดคลิปบนรางรถไฟที่สือเฟิน ภายหลังถูกดำเนินคดีพร้อมสั่งปรับเป็นเงิน 10,000 เหรียญไต้หวัน ต่อมาเน็ตไอดอลรายนี้จึงได้โพสต์คลิปขอโทษต่อพฤติกรรมที่ไม่น่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างและปัจจุบันได้สำนึกผิดแล้ว
==คลิปจากช่องYouTube:菜苔苔與菜生生==
พวกเราไม่ได้ตั้งใจไปยืนตรงนั้นตั้งแต่แรก
หากคุณมาปล่อยโคมลอยที่นี่
ก็จะรู้ว่าวันหยุดจะมีผู้คนเต็มไปหมด
เขาบอกให้คุณมาเขียนตรงนี้ ไปจ่ายเงินตรงนั้น
เสร็จแล้วเขาก็จะบอกว่าให้ไปยืนตรงไหน
และทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็วมาก
เทศบาลนิวไทเปเตือน ปล่อยโคมลอยผิดที่ ปรับสูงสุด 3,000 TWD
หลังคลิปวิดีโอถูกเผยแพร่ออกไป เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ ด้านเทศบาลนครนิวไทเปเผยว่า หากปล่อยโคมลอยนอกจุดที่กำหนด อาจต้องโทษปรับสูงถึง 3,000 เหรียญไต้หวัน
==นายหู//ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว==
ก่อนหน้านี้เคยมีการสั่งปรับแล้ว
ปกติก็จะสั่งปรับร้านค้า
นทท.ต่างชาติถ่ายรูปบนรางรถไฟ ถูกชนแล้วยังถูกปรับด้วย
ที่ผ่านมา ที่ผิงซี (平溪) ในนครนิวไทเป เคยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติถูกรถไฟเฉี่ยวชนเนื่องจากไปถ่ายรูปบนรางรถไฟ ทั้งยังต้องโทษปรับฐานละเมิดกฎหมายการรถไฟไต้หวันอีกด้วย มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวจะดำเนินควบคู่ไปกับการรักษาความปลอดภัยบนรางรถไฟอย่างสมดุลได้อย่างไร เป็นโจทย์ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องนำมาพิจารณาอีกครั้ง