เรือยกพลขึ้นบก 072A ของจีน ปรากฎตัวนอกชายฝั่งจีหลง

สถานการณ์ในช่องแคบไต้หวันยังคงตึงเครียด เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีประชาชนที่เดินทางโดยเครื่องบินจากเซี่ยงไฮ้กลับไต้หวัน ถ่ายภาพเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ของจีน ที่อยู่ใกล้บริเวณนอกชายฝั่งนครจีหลง โดยห่างจากเกาะไต้หวันเพียง 50-60 ไมล์ทะเลเท่านั้น นักวิเคราะห์ชี้ว่า เรือดังกล่าวอาจกำลังปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน เพื่อสอดแนมสนามรบ

เรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ 072A อยู่ห่างไต้หวันเพียง 60 ไมล์ทะเล

จีนยังคงก่อกวนไต้หวันต่อเนื่อง โดยมีรายงานว่าพบเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ของกองทัพจีนบริเวณนอกชายฝั่งทะเลจีหลงเป็นครั้งแรก โดยเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. มีประชาชนที่เดินทางจากเซี่ยงไฮ้กลับมายังจีหลง ได้ถ่ายภาพเรือรบกลางทะเล ซึ่งเปรียบเทียบแล้วน่าจะเป็นเรือยกพลขึ้นบกรุ่น 072A ของกองทัพจีน โดยจากภาพน่าจะมีพิกัดอยู่ห่างจากไต้หวันเพียง 50-60 ไมล์ทะเลเท่านั้น

==หลินอวี่ฟง // อดีตผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษา โรงเรียนการบินกองทัพอากาศไต้หวัน==
บริเวณรอบๆ แถวนั้นกลับไม่มีเรือของเรา
จากหากส่งกองเรือจีหลง 131 เข้าไปสกัดกั้น
หรือแม้แต่เรือของหน่วยยามฝั่ง
ถึงแม้ว่าคุณจะรับรู้สถานการณ์แล้ว
แต่คุณทำไมถึงปล่อยให้เรือยกพลขึ้นบกของกองทัพเรือ
จอดอยู่แถวๆ นอกชายฝั่งจีหลงได้แบบนั้น

หากกองทัพจีนยกพลขึ้นบกทางเหนือ อาจกระทบศูนย์กลางการปกครองได้

เรือยกพลขึ้นบกรุ่น 072A ของกองทัพจีน สามารถบรรทุกทหารได้ 250 นาย, รถถัง 10 คัน, เฮลิคอปเตอร์ และเรือโฮเวอร์คราฟต์ จึงมีความสามารถในการส่งกำลังพลได้อย่างรวดเร็ว มีภารกิจคือการปฏิบัติการยกพลขึ้นบกและขนส่งเสบียง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่า หากใช้ยกพลขึ้นบกจากภาคเหนือของไต้หวัน อาจสามารถโจมตีศูนย์กลางด้านการปกครองและเศรษฐกิจของไต้หวันได้ ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่มักจะปรากฏตัวในน่านน้ำฝั่งตะวันออกของฮัวเหลียนและไถตง ดังนั้นการปรากฎตัวบริเวณนอกชายฝั่งจีหลงครั้งนี้จึงไม่น่าปกติ

จีนต้องการส่งสัญญาณการเมืองว่าควบคุมแนวเกาะนี้ได้แล้ว

ไม่เพียงแต่เรือรบจีนที่รุกล้ำช่องแคบไต้หวัน ก่อนหน้านี้กองทัพจีนยังได้ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินสองลำ ได้แก่ เหลียวหนิง และซานตง ข้ามแนวเกาะที่สองเป็นครั้งแรก ทำให้สถานการณ์ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกตึงเครียดขึ้น ผู้เชี่ยวชาญความมั่นคงวิเคราะห์ว่า จีนต้องการแสดงให้เห็นว่าสามารถควบคุมห่วงโซ่ของเกาะไต้หวันได้ ขณะที่นักวิชาการมองว่า การซ้อมรบร่วมของเรือบรรทุกเครื่องบินทั้งสองลำ นอกจากจะเป็นการฝึกซ้อมแล้ว ยังเป็นการส่งสัญญาณกดดันทางการเมืองต่อประชาคมโลกด้วย