คดีเสพแล้วขับในไต้หวันพุ่ง 70% ไม่ถูกเพิกถอนใบขับขี่
ปีที่ผ่านมาคดีเสพแล้วขับในไต้หวันพุ่งสูงขึ้นกว่า 2,000 คดี แต่กลับมีกว่า 70% ที่ไม่ถูกเพิกถอนใบขับขี่ ทางตำรวจเผย สาเหตุหลักคือการตรวจปัสสาวะ ที่มักใช้เวลานานกว่า 2 เดือนในการออกผล ทำให้เลยกำหนดเวลาในการดำเนินคดี จึงมีการเสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแก้ไขกฎหมาย
เสพแล้วขับเป็นภัยสาธารณะ ปี 67 ตร.ถูกรถชนดับ
ตำรวจสกัดรถต้องสงสัย ก่อนตรวจพบอาวุธปืนและยาเสพติด ทั้งยังสงสัยว่าผู้ขับขี่อาจเสพยาแล้วขับ ซึ่งถือเป็นภัยอันตรายต่อสาธารณะ โดยเมื่อปีที่แล้ว ยังเคยเกิดกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจในนครนิวไทเปถูกคนเสพยาขับรถชนจนเสียชีวิต จากสถิติพบว่า คดีเสพแล้วขับในไต้หวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 267 คดีในปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็น 1,991 คดีในปี 2567 ซึ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้ เฉพาะช่วง 3 เดือนแรกของปี 2568 ก็พบแล้วถึง 1,189 คดี แม้ผู้กระทำผิดจะต้องเผชิญโทษอาญา แต่กว่า 70% ไม่มีบทลงโทษทางปกครองแต่อย่างใด
==เจิ้งเหว่ยหาว//รองหัวหน้าศูนย์ปราบปรามยาเสพติด กรมสอบสวนคดีอาญา==
กฎหมายปกครองกำหนดระยะเวลาในการแจ้งความไว้ที่ 2 เดือน
ดังนั้น ในส่วนนี้ เราหวังว่า
กระทรวงคมนาคมจะเป็นผู้ดำเนินการแก้ไขกฎหมาย
ผลตรวจออกช้าเกินกำหนดแจ้งความ คนผิดรอดเพิกถอนใบขับขี่
เนื่องจากข้อจำกัดด้านศักยภาพและระยะเวลาในการตรวจปัสสาวะ เจ้าหน้าที่ตำรวจยอมรับว่า ผลการตรวจส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาราว 2 เดือนจึงจะแล้วเสร็จ ซึ่งเกินกำหนดเวลาในการแจ้งความ ส่งผลให้ผู้กระทำผิดรอดพ้นจากการถูกเพิกถอนใบขับขี่ ด้วยเหตุนี้ กรมสอบสวนคดีอาญา จึงเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายเพื่ออุดช่องโหว่ดังกล่าว สำหรับกรณีบุหรี่ไฟฟ้าผสมสารเสพติด ซึ่งตรวจสอบและดำเนินคดีได้ยาก นักวิชาการแนะนำว่า สามารถใช้วิธีตรวจน้ำลายเพื่อหาหลักฐานเอาผิดได้
นักวิชาการ:การแก้ปัญหายาเสพติดต้องเน้นที่ป้องกันและบำบัด
ชุดตรวจที่ใช้ในปัจจุบัน สามารถตรวจได้เฉพาะสิ่งของเท่านั้น นักวิชาการจึงแนะนำให้ใช้วิธีตรวจสารเสพติดจากน้ำลายเหมือนในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหายาเสพติดที่แท้จริง ยังคงต้องเน้นที่การป้องกันล่วงหน้าและการบำบัดรักษาหลังการเสพ