จีนกำหนดเขตห้ามบิน ในวันเดียวกันกับการประชุม G7

จีนประกาศว่าวันที่ 16 เม.ย. ว่าจะจัดตั้งเขตห้ามบิน ทางตอนเหนือของไต้หวัน นอกจากเส้นทางนั้น จะเป็นเส้นทางบินของนานาชาติแล้ว ในวันนั้นจะมีการประชุมสุดยอดผู้นำG7 ที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย อีกทั้ง นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวง การต่างประเทศสหรัฐฯ จะบินจากเวียดนามไป ญี่ปุ่นเพื่อเข้าร่วมประชุม ซึ่งต้องผ่านเขตห้ามบินนี้ด้วย
นวก.ชี้จีนต้องการเปลี่ยนช่องแคบไต้หวันให้เป็นน่านน้ำภายในของตน
การซ้อมรบรอบไต้หวันของจีนสิ้นสุดลงแล้ว แต่มีการประกาศเขตห้ามบินทางตอนเหนือของไต้หวันในวันที่ 16 เม.ย. กระทรวงกลาโหมยืนยันเขตห้ามบินตั้งอยู่ในน่านฟ้าไต้หวัน มีการวิเคราะห์ว่าอาจเกี่ยวกับกิจกรรมทางอวกาศ จากการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญ จีนกำลังส่งสัญญาณทางการเมืองต้องการให้น่านน้ำช่องแคบไต้หวันเป็นน่านน้ำของตน
อู๋ เซ่อ จือ // นักวิจัยสมาคมนโยบายช่องแคบไต้หวัน
เขาต้องการแสดงให้ไต้หวันเห็น
ในขณะเดียวกันก็แจ้งให้นานาชาติทราบด้วย
การสนับสนุนไต้หวันมากเกินไป
อาจได้รับผลกระทบ
สถานการณ์ที่ไม่มีเสถียรภาพ
ในอนาคต สิ่งนี้อาจกลายเป็นเรื่องปกติ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง จีนจะยังคงใช้วิธีนี้
ก่อกวนความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับนานาชาติ
รมว.กต.สหรัฐฯ เดินทางจากเวียดนามไปยังญี่ปุ่นต้องผ่านเขตห้ามบิน
จีนได้กำหนดเขตห้ามบินกับในเขตน่านฟ้าไทเปโดยพลการ โดยพื้นที่สั่งห้ามนั้นเป็นเส้นทางบินของนานาชาติ ทั้งนี้ ในวันที่ 16 เม.ย. จะมีการ การประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ (G7) ที่ประเทศญี่ปุ่น นายแอนโทนี บลิงเคนรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จะออกเดินทางจากเวียดนามและต้องผ่านเขตห้ามบิน นักวิชาการเชื่อว่า จีนตอบโต้การซ้อมรบของสหรัฐฯ-ฟิลิปปินส์และจงใจยกระดับความตึงเครียด ในขณะเดียวกันก็แสดงให้โลกเห็นว่ามีความสามารถที่จะปิดล้อมไต้หวันได้
เดิมประกาศเขตห้ามบินกว่า 3 วัน เตือนรับมือซากจรวดตก
เดิมทีมีการกำหนดเขตห้ามบินกว่า 3 วัน สำนักงานบริหารความปลอดภัยทางทะเลฝูเจี้ยนประกาศ ณ วันที่ 13 เม.ย. โดยระบุในวันที่ 16 เม.ย. ช่วงเวลา 9.00 น. ถึง 15.00 น.อาจมีซากจรวดในน่านน้ำบางส่วนของทะเลจีนตะวันออก ห้ามเรือแล่นเข้าไปในบริเวณดังกล่าว อกจากฝั่ง
การจัดการความขัดแย้งในพื้นที่สีเทาของจีนอาจกลายเป็นเรื่องปกติในอนาคต
นักวิชาการเตือน การที่จีนกำหนดเขตห้ามบินที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการฝึกซ้อมทางทหาร อาจกลายเป็นเรื่องปกติในอนาคต เนื่องจากการกระทำที่ไม่ใช่ทางทหาร ไต้หวันจึงต้องจัดการอย่างเหมาะสม ซึ่งถือเป็นการทดสอบความสามารถในการรับมือของฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของไต้หวัน