คำปราศรัยสุดท้ายUN ปธน.ไบเดน: รักษาสันติภาพและไฮเทคบนช่องแคบไต้หวัน

เมื่อวานนี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้กล่าวสุนทรพจน์อำลาการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ มีการย้ำถึงความสัมพันธ์ของการรักษาสันติภาพในช่องแคบไต้หวัน จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนพบว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่เชื่อว่าทรัมป์มีความสามารถในการจัดการกับวิกฤตในช่องแคบไต้หวัน ในขณะที่ผู้สนับสนุนของแฮร์ริสดูมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนการส่งกำลังทหารช่วยเหลือไต้หวันมากกว่า
เมื่อวันที่ 24 กันยายน ประธานาธิบดีไบเดนของสหรัฐอเมริกากล่าวถึงสถานการณ์ในช่องแคบไต้หวันอีกครั้ง ในที่ประชุม UN
==ประธานาธิบดีไบเดนของสหรัฐฯ==
ต่อต้านภัยคุกคามทางทหารของประเทศอื่น ๆ ในทะเลจีนใต้
เพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน
กลุ่มG7 ประกาศสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมในองค์กรระหว่างประเทศ
ในวันเดียวกันกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก7 ประเทศหรือกลุ่มG7 ออกแถลงการณ์ร่วมหลังการประชุมนอกรอบสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ(UN) โดยระบุว่าจุดยืนพื้นฐานของกลุ่ม G7 ในประเด็นสนับสนุนไต้หวันยังคงไม่เปลี่ยนแปลง รวมถึงนโยบายจีนเดียวที่ระบุไว้ในอดีต อย่างไรก็ตาม กลุ่ม G7 สนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมในองค์กรระหว่างประเทศที่ไม่จำเป็นต้องมีสถานะเป็นรัฐ
สำรวจพบมั่นใจทรัมป์แก้ปัญหาช่องแคบไต้หวันได้ ส่วนผู้สนับสนุนแฮริสยินดีช่วยไต้หวัน
นอกจากนี้ขณะที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้าสู่การนับถอยหลัง ท่าทีต่อวิกฤตในช่องแคบไต้หวันของแฮร์ริสและทรัมป์ จากการสำรวจล่าสุดจากสถาบันวิจัยกิจการระดับโลกพบว่า 58% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในรัฐสวิงคิดว่าทรัมป์มีแนวโน้มที่จะตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพหากจีนบุกไต้หวันมากกว่า ส่วนแฮริสมีเพียง 42 % เเละจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วสหรัฐอเมริกา 53 % คิดว่าทรัมป์สามารถตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพ แฮริส 47 % แสดงให้เห็นว่าวิสัยทัศน์ด้านนโยบายต่างประเทศของเเฮริสไม่ชัดเจนเท่ากับทรัมป์ ส่วนสหรัฐอเมริกาควรส่งกำลังทหารไปปกป้องไต้หวันหรือไม่นั้น ผู้สนับสนุนของแฮร์ริสเห็นด้วยมากกว่าผู้สนับสนุนของทรัมป์ถึง 18%