ตำบลรุ่ยซุ่ยเมืองฮัวเหลียน เป็นแหล่งผลิตส้มโอเหวินตั้นชื่อดัง แต่เมื่อเร็วๆนี้ถูกร้องเรียนว่า มีการนำส้มโอเหวินตั้นที่ขายไม่ออกไปเททิ้งเรี่ยราด ด้านสหกรณ์การเกษตรเผยว่า เป็นผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นไห่ขุย ทำให้การเก็บเกี่ยวล่าช้าและพ่อค้าคนกลางทิ้งออเดอร์ จึงทำให้ส้มโอขายไม่ออกมากถึง 900 ตัน
สัมโอเหวินตั้นเหลือค้างล้นโกดังเฮ่อกัง ใส่กล่องบรรจุภัณฑ์พร้อมแต่ขายไม่ออก
เทศกาลไหว้พระจันทร์ผ่านไปครึ่งเดือนกว่าแล้ว แต่ส้มโอเหวินตั้นในโกดังแห่งนี้ เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ส้มโอจำนวนมากบรรจุกล่องเรียบร้อย แต่กลับขายไม่ออก
==ชาวสวนส้มโอเหวินตั้น ที่หมู่บ้านเฮ่อกัง==
ก่อนเทศกาลไหว้พระจันทร์
น่าจะราคาประมาณ 10 กว่าเหรียญต่อ 6 ขีด
หลังเทศกาลไหว้พระจันทร์ ราคาเหลือเพียง 3 เหรียญต่อ 6 ขีด
แต่ค่าจ้างเก็บส้มโอก็ปาไป 3 เหรียญต่อ 6 ขีดแล้ว
สหกรณ์การเกษตรรับซื้อน้อย ส้มโอบางส่วนเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เน่าเปื่อย ต้องเททิ้ง
ส่วนโกดังอื่นที่ไม่มีส้มโอเหลือค้าง ไม่ได้ขายหมด แต่เป็นเพราะส้มโอเหล่านั้นกลายเป็นสีเหลืองเน่าเปื่อยไปแล้ว จำต้องทิ้งไว้ในสวน สหกรณ์การเกษตรรับซื้อเพียงเล็กน้อยแก้ปัญหาไม่ได้ เสียหายหนักเกินกว่าจะซื้อมาแปรรูป
ไต้ฝุ่นไห่ขุยฝนตกหนัก ส้มโอเสียหาย การจำหน่ายย่ำแย่ เหลือเกลื่อน
สหกรณ์การเกษตรรุ่ยซุ่ยเผยว่า ผลกระทบจากพายุไต้ฝุนไห่ขุย ไม่เพียงทำให้การเก็บเกี่ยวส้มโอเหวินตั้นล่าช้า ส้มโอมีผลใหญ่ขึ้น เปลือกเสียหาย ความหวานก็ลดลง พ่อค้าไม่มาซื้อ ส่งผลให้การจำหน่ายในปีนี้ย่ำแย่ที่สุดในรอบหลายปี
ต.รุ่ยซุ่ยคือแหล่งปลูกส้มโอใหญ่สุดในไต้หวัน ขายไม่ออก จะแปรรูปอย่างไร?
ตำบลรุ่ยซุ่ย มีพื้นที่เพาะปลูกส้มโอเหวินตั้น 650 เฮกตาร์ (4,062.5 ไร่) ใหญ่ที่สุดในไต้หวัน มีผลผลิตประมาณ 4,500 เมตริกตันต่อปี จะจัดการกับส้มโอที่ขายไม่ออกเพื่อทำเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปอย่างไร กลายเป็นประเด็นสำคัญ
ผลผลิตล้นส่งผลต่อยอดขาย ลือกันว่าชาวสวนส้มโอบางรายวางแผนเลิกปลูก
อย่างไรก็ตาม ชาวสวนส้มโอมีความเห็นว่า ประเด็นสำคัญอยู่ที่มีผลผลิตมากเกินไป มีรายงานว่า ชาวสวนไม่น้อยมีความคิดที่จะเลิกปลูกส้มโอ เพียงหวังว่าส้มโอเน่าเปื่อยที่ถูกเททิ้งในสวนของตนเอง จะไม่ถูกรัฐบาลปรับเงินก็พอ