Shine Muscat เป็นที่รู้จักกันในนามสุดยอดสายพันธุ์องุ่นชั้นนำจากญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม หลังจากที่จีนและเกาหลีใต้ได้นำองุ่นพันธุ์ดังกล่าวไปเพาะปลูกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้มีองุ่น Shine Muscat สายพันธุ์ทดแทนที่มีคุณภาพดีและราคาต่ำมาตีตลาดเป็นจำนวนมาก และเนื่องจากองุ่นญี่ปุ่นไม่ได้ยื่นจดสิทธิบัตรในต่างประเทศ จึงไม่สามารถเรียกร้องให้จีนและเกาหลีใต้หยุดจำหน่ายองุ่นพันธุ์ดังกล่าวได้
ของขวัญยอดฮิต องุ่นไชน์มัสแคทของญี่ปุ่นราคาแพง
พวงองุ่นที่ดูเหมือนอัญมณีนี้คือ "องุ่นไชน์มัสแคท" ที่มีความหวานฉ่ำ และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
เป็นหนึ่งในองุ่นพันธุ์ชั้นนำของญี่ปุ่น ตามร้านค้าในห้างสรรพสินค้ากรุงโตเกียว อาจมีราคาจำหน่ายต่อพวงสูงถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่า 3,000 เหรียญไต้หวัน แม้จะมีราคาสูง แต่กระนั้นก็ยังเป็นตัวเลือกแรกๆ สำหรับหลายๆ คน ในการให้เป็นของขวัญถือ ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา "องุ่นไชน์มัสแคท" ได้เจอกับคู่แข่งที่เป็น "ผลิตภัณฑ์เลียนแบบ" จากต่างประเทศ
==ยูกิ นากามูระ // ผู้เพาะปลูกองุ่นไชน์มัสแคท==
ไม่ว่าพวกเราจะพยายามมากเท่าไหร่
ก็มีองุ่นไชน์มัสแคทของจีนเป็นคู่แข่ง
ผลิตภัณฑ์ของพวกเราจึงจำหน่ายได้ยากขึ้น
ญี่ปุ่นค้นคว้าพัฒนามา 30 ปี แต่ถูกจีน เกาหลีใต้ นำไปปลูกขายในราคาถูก
"องุ่นไชน์มัสแคท" เป็นผลงานของนักวิจัยชาวญี่ปุ่นที่ใช้เวลากว่า 30 ปี จึงสามารถพัฒนาสายพันธุ์นี้ขึ้นมา แต่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมากลับถูกจีนและเกาหลีใต้นำต้นกล้าไปเพาะปลูก และในท้องถิ่นระบุว่าเป็นสายพันธุ์ที่มีรูปลักษณะและรสชาติใกล้เคียงองุ่นไชน์มัสแคท แม้คุณภาพจะไม่ดีเท่าองุ่นไชน์มัสแคทแบบดั้งเดิม แต่ราคาจำหน่ายที่ถูกกว่า ก็กลายเป็นผลิตภัณฑ์ตัวแทนสำหรับผู้บริโภค
องุ่นไชน์มัสแคทไม่มีสิทธิบัตรใน ตปท. รัฐบาลญี่ปุ่นทำอะไรไม่ได้
เห็นได้ชัดว่านี่คือการปลูกเลียนแบบ แต่รัฐบาลญี่ปุ่นก็ไม่สามารถตอบโต้ได้ เนื่องจากองุ่นไชน์มัสแคท ได้รับการจดทะเบียนในญี่ปุ่นเท่านั้น ไม่มีการยื่นคำขอรับสิทธิบัตรในต่างประเทศ ไม่มีช่องทางทางกฎหมายที่จะขอให้เกาหลีใต้หยุดขาย "ผลิตภัณฑ์เลียนแบบ" หรือเก็บค่าธรรมเนียมการใช้งาน ดังนั้นเพื่อแก้ไขสถานการณ์รัฐบาลญี่ปุ่นจึงได้ออกกฎหมายในปี ค.ศ.2020 ห้ามนำเมล็ดพันธุ์และต้นกล้าที่ได้รับการจดทะเบียนออกไปยังต่างประเทศ ผู้ฝ่าฝืนจะถูกจำคุกสูงสุด 10 ปี หรือปรับสูงสุด 10 ล้านเยน