กระทรวงศึกษาธิการไต้หวันเผย นักศึกษาต่างชาติที่เข้ามาศึกษาต่อในไต้หวัน 5 อันดับแรก โดยนักศึกษาเวียดนามครองอันดับหนึ่ง คิดเป็นร้อยละ 32.2 ของนักศึกษาทั้งหมด รองลงมาคือนักศึกษาอินโดนีเซีย มาเลเซีย ญี่ปุ่น และฮ่องกง ตามลำดับ ทั้งนี้ จากข้อมูลยังพบว่า ปีที่ผ่านมา จำนวนนักศึกษามาเลเซียลดลงมากกว่า 10,000 คน ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี
ในบรรดากลุ่มประเทศอาเซียนนักศึกษาจากมาเลเซียมาศึกษาต่อในไต้หวันมากที่สุด แต่จากสถิติของกระทรวงศึกษาธิการใน ปี ค.ศ. 2024 พบว่าจำนวนนักศึกษาจากมาเลเซียลดลงกว่า 10000 คน ต่ำสุดในรอบ 10 ปี ทั้งยังมีจำนวนน้อยกว่านักศึกษาจากเวียดนามและอินโดนีเซียด้วย
==หลิวหย่วนซาน // ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ PTS==
จากประวัติศาสตร์นักศึกษาจากมาเลเซียมาศึกษาต่อที่ไต้หวัน
ยาวนานกว่า 70 ปีแล้ว
สมัยนั้นผลจากการต่อต้านพรรคคอมมิวนิสต์จีนในสงครามเย็น
ทำให้การไปศึกษาต่อที่จีนของชาวจีนโพ้นทะเลค่อนข้างยาก
ไต้หวันจึงกลายเป็นทางเลือกเพียงไม่กี่แห่ง
ที่สามารถให้การศึกษาระดับสูงในหลักสูตรภาษาจีนได้
การแข่งขันของ ม.ในมาเลเซียเพิ่มขึ้น ไปศึกษาต่อที่จีนเพิ่มขึ้น
แต่กระนั้นสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในปัจจุบันซึ่งทำให้จำนวนนักศึกษาจากมาเลเซียลดลงมีสาเหตุจากหลายปัจจัยที่ซับซ้อน ทั้งการให้ทุนการศึกษาจำนวนมากจากจีน การแข่งขันที่สูงขึ้นของสถาบันการศึกษาทั้งของรัฐและเอกชนในมาเลเซีย รวมถึงยังมีอีกหลายประเทศที่พยายามดึงดูดนักศึกษา ขณะที่ไต้หวันยังมีภาพลักษณ์ด้านการศึกษาไม่ค่อยโดดเด่น จึงยากที่จะดึงดูดนักศึกษาต่างชาติได้
==โจวหรูเซวียน // นักวิจารณ์สถานการณ์ปัจจุบัน==
ตอนนี้มหาวิทยาลัยท้องถิ่นมีการแข่งขันสูงมาก
วันนี้เรากำลังศึกษาอยู่ที่มาเลเซีย
ในอีกสองปีหรือหนึ่งปีข้างหน้า
เราสามารถไปเรียนต่อที่สหราชอาณาจักรหรือสหรัฐอเมริกา
และได้รับประกาศนียบัตรสองใบ
ขณะที่สถาบันการศึกษาเอกชนในมาเลเซีย
พวกเขาก็มีความหลากหลายเช่นกัน
พึ่งพา นศ.ชาวจีนโพ้นทะเลกลายเป็นเรื่องยาก ต้องพิจารณากลุ่มอื่นๆ
สมาคมศิษย์เก่าไต้หวันให้ความช่วยเหลือในการเปิดรับนักศึกษามาอย่างยาวนาน ไม่เพียงรับนักศึกษาจากเมืองหลัก โรงเรียนจีน แต่ตอนนี้เมืองรองต่างๆ ก็เปิดรับด้วย แต่หากจับกลุ่มตลาดนักศึกษาชาวจีนโพ้นทะเลอย่างเดียว แนวโน้มที่จะฟื้นตัวคงยาก หลายฝ่ายเห็นว่าควรขยับไปรับนักศึกษาที่มีเชื้อสายมลายูเพิ่มขึ้น