จำนวนนักศึกษาต่างชาติในระดับอุดมศึกษาประจำปีการศึกษา 2567 ทะลุ 130,000 คนแล้ว โดย 3 อันดับแรกมาจากเวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ในจำนวนนี้ นักศึกษาเวียดนาม เพิ่มขึ้นประมาณ 12,000 คน ภายในปีเดียว ขณะที่นักศึกษาเมียนมาร์ก็เติบโตขึ้นถึง 40% ขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 7
นักศึกษาต่างแดน ต้องปรับตัวด้านภาษาและวัฒนธรรม
เหยียนหลีเวย (顏驪薇) นักศึกษาปริญญาโทชั้นปี 3 มหาวิทยาลัยซือต้า (NTNU) เปิดเผยว่า ตนเดินทางจากมาเลเซียมาเรียนต่อที่ไต้หวันตั้งแต่ชั้นปริญญาตรี ยอมรับว่าช่วงแรกกังวลเรื่องการปรับตัวด้านวัฒนธรรมและสำเนียงภาษา แต่ภายหลังก็พบว่าภาษาไม่ได้เป็นอุปสรรคมากเท่าใดนัก
==เหยียนหลีเวย//นักศึกษามาเลเซีย==
ภาษาไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
ก็คือภาษาจีน
เลยเชื่อมต่อได้ง่าย
ผู้คน วัฒนธรรมและวิวทิวทัศน์ของไต้หวัน
ก็ดีทีเดียว
นศ. ต่างชาติปี 67 เวียดฯ–อินโดฯ–มาเลฯ มากสุด 3 อันดับแรก
ล่าสุด กระทรวงศึกษาธิการไต้หวันเปิดเผยสถิติจำนวนนักศึกษาต่างชาติในระดับอุดมศึกษาประจำปีการศึกษา 2567 โดย 3 อันดับแรกได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเลเซีย โดยเวียดนามแตะเกือบ 4 หมื่นคน ขณะที่ไทยมีจำนวน 4,765 คนอยู่ในอันดับที่ 6 ส่วนจำนวนนักศึกษาชาวเมียนมาก็เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 40% เป็น 2,973 คน
==เสี่ยวเจี๋ย//นักศึกษามหาวิทยาลัย NTNU==
ค่าเล่าเรียนยังพอจ่ายไหวอยู่
(เมื่อเทียบกับค่าเล่าเรียนที่ไหน)
กับยุโรป อเมริกา
นศ. เมียนมาใน NTNU ทะลุพันคน สูงสุดในไต้หวัน
จำนวนนักศึกษาชาวเมียนมาในมหาวิทยาลัยซือต้าทะลุ 1,000 คน ซึ่งสูงสุดในไต้หวัน หลังเกิดแผ่นดินไหวทางมหาวิทยาลัยได้มีมาตรการให้ความช่วยเหลือนักศึกษาชาวเมียนมาโดยเฉพาะ รวมถึงช่วยเหลือนักศึกษาต่างชาติในการปรับตัวอย่างเต็มที่
นโยบายมุ่งใต้ใหม่ดันประชากร นศ. เวียดนามเพิ่ม 1.2 หมื่นคนต่อปี
กระทรวงศึกษาธิการไต้หวันเผยว่า จำนวนนักศึกษาเวียดนามเพิ่มขึ้นปีละ 12,000 คน สะท้อนผลสำเร็จของนโยบายมุ่งใต้ใหม่ และมาตรการเพิ่มจำนวนประชากรและแรงงานต่างชาติ ขณะที่ชาวมาเลเซียซึ่งมีจำนวนมากที่สุดเป็นอันดับ 3 กลับลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 สาเหตุอาจมาจากอัตราการเกิดต่ำและช่องทางการศึกษาที่หลากหลายในประเทศ