ก่อนหารือปูติน ทรัมป์เผยจีนจะไม่รุกรานไต้หวันในช่วงนี้

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชน ก่อนพบปะกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ว่า ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง เคยกล่าวไว้ว่า ตราบใดที่ทรัมป์ ยังดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ จีนจะไม่รุกรานไต้หวัน ด้านจีนตอบกลับว่า ปัญหาไต้หวันเป็นประเด็นที่อ่อนไหว สหรัฐฯ ควรระมัดระวังในเรื่องนี้ โดยหลังพบปะกับปูติน ทรัมป์ระบุว่า จะพยายามผลักดันให้เกิดข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน

ทูตจีนชี้ ประเด็นไต้หวันเป็นเรื่องอ่อนไหว สหรัฐฯ ต้องรอบคอบ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสื่อ ก่อนออกเดินทางไปอะแลสกาเพื่อพบกับหารือประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ของรัสเซียว่า ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงเคยบอกกับตนว่า เขาจะไม่บุกไต้หวันในขณะที่ตนยังดำรงตำแหน่ง โดยทรัมป์ได้ตอบกลับไปว่า ขอบคุณมากที่ยังคงรักษาสัญญานี้ โดยสีจิ้นผิงก็กล่าวว่า ตนมีความอดทนมาก และจีนก็มีความอกทนมาเช่นกัน ด้านสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯ ก็ตอบกลับว่า ประเด็นไต้หวันเป็นมีความสำคัญและอ่อนไหวที่สุดในความสัมพันธ์จีน–สหรัฐฯ ดังนั้นฝ่ายสหรัฐฯ ควรจัดการอย่างรอบคอบในกับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับไต้หวัน แต่ก็ไม่มีการยืนยันหรือปฏิเสธคำพูดของทรัมป์โดยตรง

==หลี่ต้าจง // ผอ.สถาบันยุทธศาสตร์และกิจการระหว่างประเทศ ม.TKU==
แสดงถึงสัญญาณทางการเมืองที่ชัดเจนว่า
ทรัมป์มีความแข็งแกร่ง และสหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศที่มีศักยภาพ
เขาสามารถควบคุมภาพรวมของสถานการณ์ทั้งหมดเอาไว้ได้
เขากับประเทศมหาอำนาจ และผู้นำประเทศต่างๆ
ล้วนมีการสื่อสาร และมีการเจรจาหารือกัน

ทรัมป์มีการแสดงออกเฉพาะตัว คำสัญญาของสีจิ้นผิงมีไว้อ้างอิง

นักวิชาการวิเคราะห์ว่า ทรัมป์หวังใช้ภาพลักษณ์ทางการทูตที่แข็งกร้าว แม้เนื้อหาที่กล่าวจะเป็นความจริง แต่ปักกิ่งก็ไม่หยุดรุกรานเพียวเพราะคำมั่นสัญญา ดังนั้นจึงต้องจับตาการเคลื่อนของจีนอย่างใกล้ชิด

ทรัมป์เปลี่ยนคำพูดเรื่องการหยุดยิง เป็นการแสวงหาข้อตกลงสันติภาพ

หลังการพบปะหารือระหว่างทรัมป์กับปูตินที่อะแลสกาเมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา ทรัมป์ก็มีท่าทีเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก จากเดิมที่สนับสนุนการหยุดยิงระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ก็เปลี่ยนคำพูดเป็น ต้องก้าวข้ามการหยุดยิงเพื่อผลักดันข้อตกลงสันติภาพโดยตรง

==โดนัลด์ ทรัมป์ // ประธานาธิบดีสหรัฐฯ==
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีก1-2 ปัญหาใหญๆ ที่เกี่ยวข้อง
แต่ผมเชื่อว่าปัยหาเหล่านี้ล้วนจัดการได้
สิ่งสำคัญคือประธานาธิบดีเซเลนสกีเต็มใจที่จะทำเช่นนั้นหรือไม่

เซเลนสกีจะเยือนทำเนียบขาว หวังให้มีการประชุมสุดยอดไตรภาคี

หลังการประชุม ทรัมป์ได้โพสต์บนโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันว่าแทนที่จะมีข้อตกลงหยุดยิงแบบไม่ผูกมัด รัสเซียและยูเครนควรทำงานร่วมกันต่อไปเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อตกลงสันติภาพ เขากล่าวว่าประธานาธิบดีเซเลนสกี ของยูเครนจะเยือนทำเนียบขาวในวันที่ 18 ส.ค. นี้ และหากทุกอย่างราบรื่น ในอนาคตก็อาจจะมีการประชุมสุดยอดไตรภาคีระหว่างผู้นำสหรัฐฯ รัสเซีย และยูเครน