กลุ่มตัวแทนชาวบ้านและแรงงาน จากประเทศอินโดนีเซีย เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล มายังไต้หวันในวันนี้ (5 ส.ค. 68) เพื่อประท้วงบริษัทหัวซินลี่หัว ที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในอินโดนีเซีย จนก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศและทางน้ำ ทั้งยังมีแรงงานพลัดตกลงมาเสียชีวิต ด้านบริษัทได้ออกหนังสือชี้แจง โดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมย้ำว่า ได้ปฏิบัติตามกฎหมายของอินโดนีเซียอย่างเคร่งครัด
โรงงานที่อินโดนีเซียของ "บ.หัวซินลี่หัว" ถูกกล่าวหาว่าก่อมลพิษ
แรงงานและชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้เขตเหมืองแร่นิกเกิลของอินโดนีเซีย เดินทางมาไกลหลายพันไมล์ ยืนชูภาพบ้านเกิดที่ปนเปื้อนมลพิษอยู่หน้าสำนักงานใหญ่ของบริษัทหัวซินลี่หัว (Walsin Lihwa Corporation) ในกรุงไทเป เพื่อประท้วงที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่ายหินในพื้นที่โมโรวาลีของอินโดนีเซีย ได้ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศรุนแรง โรงเรียนประถมอยู่ห่างจากปล่องโรงไฟฟ้าถ่านหินเพียงร้อยกว่าเมตร นักเรียนมีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจและผิวหนังบ่อยครั้ง แต่กลับไม่มีเงินซื้อหน้ากากอนามัยราคาถูก
==Pius Ginting // ผู้ประสานงาน AEER องค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอินโดนีเซีย==
หากพวกเราซึ่งเป็นคนนอกเมื่อไปที่โมโรวาลี
หลังจากนั้นพวกเราจะป่วย
เพราะมลพิษทางอากาศในพื้นที่ที่เลวร้าย
ปีที่แล้ว พนง.พลัดตกตึก โรงงานถูกวิจารณ์เรื่องความปลอดภัย
นอกจากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ยังมีปัญหาความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน พนักงานบริษัทลูกร้องเรียนว่า ปีที่แล้วมีพนักงานพลัดตกตึกระหว่างทำงานและเสียชีวิต แต่ ณ วันนี้ยังไม่มาตรการปรับปรุงความปลอดภัยในสถานที่ทำงานอย่างเป็นรูปธรรม ชาวบ้านประท้วงหัวซินลี่หัว ด้านหนึ่งประชาสัมพันธ์การเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมสีเขียว แต่อีกด้านกลับสร้างโรงงานใหญ่ในอินโดนีเซีย ที่ต้องดำเนินการตจรวจสอบในประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน สิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน
==Adlunfiqri Sigoro // ผู้ก่อตั้งสมาคมพัฒนาท้องถิ่น Fakawele==
การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานที่บริษัทใหญ่หลายแห่งให้คำมั่นสัญญาไว้
ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเรื่องดีเสมอไป
เนื่องจากในกระบวนการเปลี่ยนผ่านเหล่านี้
มักจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศ และละเมิดสิทธิมนุษยชน
บ.หัวซินลี่หัวเผย ปฏิบัติตามกฎหมายของอินโดนีเซียอย่างเคร่งครัด
ทางด้านบริษัทหัวซินลี่หัวได้ออกแถลงการณ์เป็นลายลักษณ์อักษรหลังการประชุม โดยระบุว่าข้อมูลบางส่วนไม่ตรงกับข้อเท็จจริง สำหรับประเด็นที่บุคคลภายนอกกังวล บริษัทได้จัดให้มีการพบปะพูดคุยกันของผู้บริหารระดับสูงกับมูลนิธิคุ้มครองสิทธิสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันก็มีการสื่อสารกับองค์กร ESG ในเขตอุตสาหกรรมอินโดนีเซียอย่างต่อเนื่อง ย้ำว่าบริษัทปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ดี ในแถลงการณ์ดังกล่าวไม่ได้ตอบคำถามที่สังคมตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่ออุบัติเหตุจากการทำงานและข้อมูลมลพิษ