ไต้หวันเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงาน จึงหวังใช้หุ่นยนต์ AI ช่วยบรรเทาปัญหา แต่ก็มีความกังวลว่า AI อาจแย่งงานมนุษย์ได้เช่นกัน ซึ่งจากการสำรวจพบว่า ใน 10 ปีข้างหน้าหลายอาชีพอาจถูกแทนที่ เช่น พนักงานขายตั๋ว พนักงานบริการ พนักงานโรงงาน นักแปล นักข่าว และพนักงานธนาคาร เป็นต้น
AI ถูกใช้แพร่หลาย แค่กดสั่ง หุ่นยนต์ก็นำของมาส่งถึงหน้าห้อง
คุณเคยเห็นหุ่นยนต์ที่ช่วยซื้อของจากตู้ขายของอัตโนมัติ แล้วเดินขึ้นลิฟต์ นำของมาส่งตรงให้ถึงหน้าห้องหรือไม่
==หลิวรุ่ยหลง // กรรมการผู้จัดการ THE SYSCOM GROUP==
ของเราเป็นระบบนำทางสู่เป้าหมาย
ของเราทั้งหมดทั้งมวล เหมือนกับพนักงานธนาคารเลย
AI รันทุกวงการ หุ่นยนต์ทำงานร่วมกับมนุษย์
ในงานมหกรรมอาหารนานาชาติ หลายบริษัทต่างงัดศักยภาพของ AI ออกมาแข่งขันกันอย่างคึกคัก มีทั้งหุ่นยนต์ที่ทำหน้าที่เป็นพนักงานต้อนรับ นำชม ประชาสัมพันธ์ รวมถึงการประยุกต์ใช้งานในด้านการแพทย์และการศึกษา
ยุคที่ AI ก้าวหน้า งานใช้แรงกาย+ความคิด เสี่ยงถูก AI ทดแทน
ผลสำรวจของธนาคารแรงงานพบว่า พนักงานออฟฟิศส่วนใหญ่เชื่อว่า ในยุคที่หุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์พัฒนาอย่างรวดเร็ว “งานประเภทใช้แรงกาย” ที่มีความเสี่ยงถูก AI ทดแทนมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ พนักงานขายตั๋ว เจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์ พนักงานสายการผลิต พนักงานปั๊มน้ำมัน พนักงานร้านค้าปลีกและร้านสะดวกซื้อ สำหรับงานที่ใช้ทักษะทางความคิด ที่มีความเสี่ยงถูก AI ทดแทนมากที่สุด ได้แก่ นักแปล นักข่าว พนักงานเคาน์เตอร์ธนาคาร เทรดเดอร์ และตัวแทนประกันภัย ตามลำดับ
==เจียงจิ่นหัว // ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ธนาคารแรงงาน==
(รัฐบาล) ต้องช่วยพวกเราในด้านเหล่านี้
ปรับเปลี่ยนทักษะให้แรงงานที่ว่างงาน
เพราะถ้าไม่ช่วยพวกเขาปรับตัว
คงยากที่จะหางานใหม่ได้ในอนาคต
AI อยู่ทุกหนทุกแห่ง จะส่งผลดีหรือร้าย เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์
คำถามที่ว่า AI จะเข้ามาช่วยบรรเทาวิกฤตขาดแคลนแรงงาน หรือเข้ามาทำให้คนเกิดความกังวลว่าจะตกงาน ยังคงต้องอาศัยทั้งเวลาและนโยบายที่เหมาะสม เพื่อหาจุดสมดุลในอนาคตต่อไป