ผลวิจัยล่าสุดของประเทศอังกฤษยืนยันว่า มลพิษทางอากาศมีความเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคสมองเสื่อม ด้วยเหตุนี้ แพทย์และกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในไต้หวัน จึงเรียกร้องให้รัฐบาลเสริมการตรวจวัดคุณภาพอากาศ และดำเนินมาตรการควบคุมมลพิษทางอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.68) ตัวแทนจากวงการแพทย์และกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในไต้หวัน ร่วมกันจัดแถลงข่าวเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งให้ความสำคัญกับปัญหามลพิษทางอากาศ หลังจากมีงานวิจัยล่าสุดจากอังกฤษที่ยืนยันว่า มลพิษทางอากาศไม่เพียงเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งปอดและโรคหัวใจและหลอดเลือดเท่านั้น แต่ยังอาจเชื่อมโยงกับการเกิดโรคสมองเสื่อมอีกด้วย
เผย 14 ปัจจัยสมองเสื่อม แพทย์รณรงค์ลดมลพิษทางอากาศ
ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า การแพทย์ยืนยันแล้วว่ามลพิษทางอากาศเป็นหนึ่งใน 14 ปัจจัยเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดภาวะสมองเสื่อม ไม่แพ้การสูบบุหรี่ ภาวะซึมเศร้า หรือการแยกตัวทางสังคม ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการลดมลพิษทางอากาศ เพื่อปกป้องระบบประสาทและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคสมองเสื่อมในระยะยาว
==นพ.อูซีหลิน//อดีตประธานสมาคมประสาทวิทยาไต้หวัน==
มลพิษทางอากาศจากฝุ่นละอองขนาดเล็กและไนโตรเจนออกไซด์
ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าทำให้เกิดการอักเสบในสมอง
และปฏิกิริยาออกซิเดชัน
ซึ่งนำไปสู่การเสื่อมโทรมของระบบประสาท
และทำให้ประสิทธิภาพด้านการรับรู้ลดลง
ยอดผู้ป่วยสมองเสื่อมพุ่ง รณรงค์เสริมการตรวจวัดคุณภาพอากาศ
กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเน้นย้ำว่า ไต้หวันได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยระดับสุดยอดอย่างสมบูรณ์ จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการไต้หวันพบว่า ปัจจุบันไต้หวันมีผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมมากกว่า 350,000 คน และอาจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามจำนวนประชากรสูงวัย ดังนั้นจึงเสนอแนะให้กระทรวงสิ่งแวดล้อมเพิ่มจำนวนสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศในจุดที่มีการจราจรหนาแน่น รวมทั้งติดตั้งระบบตรวจวัดฝุ่นละอองขนาด PM 0.1 แบบถาวร จึงจะสามารถควบคุมมลพิษทางอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ