IMD สวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยรายงานขีดความสามารถในการแข่งขันโลกปี 2568 โดยไต้หวันขยับขึ้นมา 2 อันดับ อยู่อันดับที่ 6 ของโลก จากแรงหนุนด้านศักยภาพทางเศรษฐกิจ ของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และ AI ขณะที่ประเทศไทยร่วงลงมาอยู่อันดับที่ 30 เนื่องจากปัจจัยด้านประสิทธิภาพของภาครัฐที่แย่ลง
สถาบัน IMD (International Institute for Management Development) แห่งประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้ประกาศผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของโลกประจำปี พ.ศ 2568 (IMD World Competitiveness Yearbook) ไต้หวันอยู่ในอันดับที่ 6 ขยับขึ้นมา 2 อันดับจากปีที่แล้ว จากทั้งหมด 69 ประเทศและเขตเศรษฐกิจทั่วโลก โดยสามารถเอาชนะไอร์แลนด์และสวีเดน เป็นรองเพียงสวิตเซอร์แลนด์ สิงคโปร์ ฮ่องกง เดนมาร์ก และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เท่านั้น
==เฉินเหม่ยจวี๋//รักษาการ รอง ผอ.ฝ่ายพัฒนาเศรษฐกิจ สภาพัฒนาแห่งชาติไต้หวัน==
จริงๆ แล้ว กระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของเราเป็นเทคโนโลยีชั้นสูง
ดังนั้นจึงมีความรู้และเนื้อหาทางเทคนิคในระดับสูง
ในแง่ความยืดหยุ่นของการปรับตัวในห่วงโซ่อุปทาน
จริงๆ แล้ว พวกเขาก็ยังจัดเป็นอันดับ 4 ของโลกด้วย
ตัวชี้วัดเศรษฐกิจขยับขึ้น 16 อันดับ เป็นปัจจัยหลักที่อันดับสูงขึ้น
ในบรรดาสี่ตัวชี้วัดหลักของ IMD ไต้หวันมี ด้านประสิทธิภาพของภาครัฐอยู่อันดับที่ 8 , ประสิทธิภาพของภาคธุรกิจอยู่อันดับที่ 4, โครงสร้างพื้นฐานอยู่อันดับที่ 10 และศักยภาพทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจากอันดับที่ 26 ในปีที่แล้วมาอยู่อันดับที่ 10 ในปีนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้อันดับโดยรวมของไต้หวันสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการเติบโตของดัชนีการจ้างงานที่ไม่ดี และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่สูง ทำให้ด้านการจ้างงานและราคาสินค้ามีแนวโน้มลดลง
ต้องปรับปรุงประสิทธิภาพภาครัฐ ไทยอันดับร่วงมาอยู่ที่ 30
อย่างไรก็ตาม ไต้หวันมีอัตราการเติบโตของประชากรในปี พ.ศ.2567 ติดลบ 0.09% และมีสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งล้วนเป็นจุดอ่อน ขณะที่ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 30 ร่วงลงมา 5 อันดับ เนื่องจากประสิทธิภาพของภาครัฐที่ไม่ดี