เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาทำงานในไต้หวันมากขึ้น สภาพัฒนาแห่งชาติไต้หวัน (NDC) ได้เสนอร่างแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการจ้างงานผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ โดยจะขยายวีซ่า Digital Nomad ผ่อนปรนเงื่อนไขการขอบัตรถิ่นที่อยู่ถาวร พร้อมยกระดับการคุ้มครองด้านสิทธิแรงงานและสวัสดิการสังคม
เพื่อตอบสนองต่อปัญหาอัตราการเกิดที่ลดลงและการขาดแคลนบุคลากรภายในประเทศ สภาพัฒนาแห่งชาติไต้หวันจึงได้เสนอร่างแก้ไข “กฎหมายว่าด้วยการรับสมัครและจ้างงานผู้เชี่ยวชาญชาวต่างชาติ” ซึ่งสภานิติบัญญัติเห็นว่าร่างกฎหมายนี้ดูเหมือนจะมีความยืดหยุ่น แต่ในประเด็นเกี่ยวกับการที่ชาวต่างชาติเข้ามาทำงานในไต้หวัน ยังต้องพิจารณาถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับเรื่องการศึกษาของบุตรหลานด้วย
==จางไคจี้ ส.ส.DPP vs. หลิวจิ้งชิง ประธานสภาพัฒน์ฯ==
(ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ) มีสัดส่วนการย้ายออกสูงเท่าไหร่
ตอนนี้อัตราการย้ายออกสูงประมาณ 3900 กว่าคน
ดังนั้นทั้งหมดเหล่านี้เราจะนำมาพิจารณารวมกัน
เพื่อดำเนินการแก้ไข และสร้างระบบนิเวศที่ดีขึ้น
ขยายอายุวีซ่า.ผ่อนปรนเงื่อนไขการพำนัก เพื่อรักษาบุคลากร
การแก้ไขครั้งนี้มีประเด็นสำคัญทั้งหมด 4 ประการ คือเป้าหมายเพื่อดึงดูดเยาวชนจากทั่วโลกให้มาทำงานที่ไต้หวัน จากเดิมที่จำกัดเฉพาะผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย 500 อันดับแรกของโลก ได้ขยายเป็นผู้จบจากมหาวิทยาลัยใน 1,000 อันดับแรก และไม่ต้องมีประสบการณ์ทำงาน 2 ปีอีกต่อไป ถัดมาคือ ขยายเวลาพำนักอาศัยของ Digital Nomad Visa จาก 6 เดือน เป็น 2 ปี ขณะเดียวกันก็จะมีการผ่อนปรนข้อกำหนดในการยื่นขอใบถิ่นที่อยู่ถาวร (APRC) และสุดท้ายคือการปรับปรุงสภาพแวดล้อมในไต้หวันให้เอื้อต่อการรักษาบุคลากรคุณภาพ ซึ่งนอกจากการเร่งดึงดูดบุคลากรต่างชาติแล้ว ส.ส. บางรายยังชี้ว่า ปีที่แล้วไต้หวันมีอัตราการเกิด 134,000 คน ปีนี้น่าจะลดลงมาถึง 120,000 คน ซึ่งทำสถิติต่ำสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง
==หยางฉงอิง ส.ส.KMT//หลิวจิ้งชิง ประธานสภาพัฒน์ฯ=
เน้นเฉพาะเรื่องเงินอุดหนุนและที่อยู่อาศัย
มันไม่เพียงพอใช่
ส่วนนี้ (เงินอุดหนุน) มีประโยชน์
แต่ก็ยังมีช่องว่างที่ต้องเร่งปรับปรุง
การกู้วิกฤตอัตราการเกิด ไม่ใช่แก้ด้วยการให้เงินอุดหนุนเท่านั้น
ส.ส. เผยว่า อัตราการเกิดของไต้หวันที่ลดลงต่อเนื่อง เกี่ยวข้องกับปัจจัยหลัก คือค่าจ้าง ราคาบ้านที่สูง และต้นทุนการศึกษาที่แพง ดังนั้นการให้เงินอุดหนุนเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จึงเรียกร้องให้รัฐบาลจัดการประชุมร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อหารือถึงแนวทางแก้ปัญหาอัตราการเกิดต่ำ