อุบัติเหตุในซานเสีย กระตุ้นประเด็นการต่ออายุใบขับขี่ผู้สูงวัย

จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ร้ายแรงที่เกิดขึ้น ส่งผลให้การต่ออายุใบอนุญาตขับขี่ของนายอวี๋ อายุ 78 ปี กลายเป็นประเด็นถกเถียง ทั้งนี้จากระบบของกรมขนส่งทางบกพบว่า การต่อใบขับขี่ของนายอวี๋เป็นไปตามกฎหมาย ขณะที่องค์ภาคประชาชนสังคมเพื่อคนเดินถนนก็ออกมาเรียกร้องให้ฟื้นฟูระบบการบันทึกและตรวจสอบคะแนน จัดตั้งกลไกการฝึกอบรม เพื่อขจัดผู้ขับขี่ที่มีความเสี่ยงสูงออกจากท้องถนน

อุบัติเหตุในซานเสีย คร่า 3 ชีวิต คนขับวัย 78 ปี ก.พ. เพิ่งต่อใบขับขี่

อุบัติเหตุร้ายแรงใกล้โรงเรียนประถมเป่ยต้า เขตซานเสีย นครนิวไทเป คนขับแซ่อวี๋ วัย 78 ปี ถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีพฤติกรรมหลบหนีและฝ่าไฟแดง จุดประเด็นถกเถียงเรื่องการต่อใบขับขี่สำหรับผู้สูงวัยอีกครั้ง แม้เขาจะเพิ่งต่อใบขับขี่ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และไม่มีประวัติกระทำผิดหรือคดีค้าง ทุกอย่างเป็นไปตามข้อกำหนด แต่อุบัติเหตุที่พรากชีวิตผู้บริสุทธิ์ในครั้งนี้ อาจทำให้ต้องทบทวนว่า ใบอนุญาตที่ผ่านเกณฑ์ อาจละเลยความเสี่ยงที่แท้จริงหรือไม่

==รศ.จางหลิงฮุ่ย//คณะกิจกรรมบำบัด National Cheng Kung University==
อายุไม่ใช่ปัญหาหลัก
สิ่งที่สำคัญจริงๆ คือสมรรถภาพของพวกเขา
เช่น ความสามารถด้านการรับรู้
สมาธิ การตอบสนอง และความสามารถในการประสานร่างกาย เป็นต้น

ม.ค.-ก.พ. อุบัติเหตุทางถนนคร่า 469 ชีวิต เป็นผู้สูงอายุ 211 ราย

ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ปีนี้ มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนทั่วไต้หวันรวม 469 ราย โดยในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุถึง 211 ราย หรือประมาณร้อยละ 45 แม้ว่ากระทรวงคมนาคมจะกำหนดให้ผู้มีอายุ 75 ปีขึ้นไปต้องต่ออายุใบขับขี่ได้ทุก 3 ปี แต่ข้อบังคับดังกล่าวไม่มีผลย้อนหลัง ทำให้ผู้ที่เกิดก่อนวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2485 ไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับ ส่งผลให้ผู้สูงอายุนับแสนรายกลายเป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้ต่อใบขับขี่และไม่ปรากฏอยู่ในระบบอย่างเป็นทางการ

กลับมาใช้ระบบให้คะแนนดังเดิม ยุติอุบัติเหตุจากการขับขี่ของผู้สูงอายุ

ข้อมูลต่างๆ ชี้ให้เห็นว่า อายุไม่ควรเป็นเกณฑ์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาสภาวะร่างกายเป็นรายบุคคลด้วย จึงจะสามารถลดความเสี่ยงที่ผู้สูงอายุต้องเผชิญขณะขับขี่ นอกจากนี้ สมาคม Vision Zero Taiwan ยังเรียกร้องให้กลับมาใช้ระบบการให้คะแนนการกระทำผิดและการแจ้งความผิดแบบเดิม เพื่อควบคุมผู้ขับขี่ที่มีความเสี่ยงสูง