รง. ต่างชาติลืมเงิน 4 ล้านไว้บนรถไฟ ตร. สืบสวนที่มาของเงิน

ช่วงค่ำวันก่อนแรงงานเวียดนามคนหนึ่งโดยสารรถไฟไปสถานีไถหนาน เขาลืมถุงเงินสด 4,000,000 ดอลลาร์ไต้หวันไว้บนรถไฟ โชคดีที่แจ้งเจ้าหน้าที่ทัน จึงสามารถตามคืนได้สำเร็จ อย่างไรก็ตามเนื่องจากยอดเงินค่อนข้างสูง แม้เจ้าตัวจะยืนยันว่าเป็นเงินที่เก็บจากการทำงานและเป็นเงินที่กู้มา เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงต้องตรวจสอบว่าเป็นเงินที่ได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ จึงยังไม่สามารถคืนเงินดังกล่าวให้เขาได้

==ผู้สื่อข่าว vs. คุณหู แรงงานชาวเวียดนาม==
(คุณทำหายใช่ไหม) ผมแค่ลืม
ไม่ได้ทำหาย ทำหล่นไว้เอง

รง. ต่างชาติลืมเงิน 4 ล้านไว้บนรถไฟ ตร. สืบสวนที่มาของเงิน

ชายที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าของเงิน 4 ล้านเหรียญไต้หวันรายนี้ เป็นแรงงานต่างชาติที่ทำงานอยู่ที่โรงงานหินในเมืองเจียอี้ เขาชี้แจงว่าไม่ได้ทำหาย เพียงแค่ลืมเอาไว้ โดยในวันนี้ (9 พ.ค. 68) เขายังคงไปทำงานตามปกติ และไม่ประสงค์จะเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เงินจำนวนนี้ถือเป็นจำนวนเงินที่สูงที่สุดที่เคยพบจากกรณีเงินหายในประวัติศาสตร์ของการรถไฟไต้หวัน ทางตำรวจยังไม่สามารถคืนเงินให้กับเจ้าของได้ เนื่องจากมูลค่าค่อนข้างสูง จึงต้องตรวจสอบว่าเกี่ยวกับการโอนเงินใต้ดินหรือกิจกรรมที่ผิดกฎหมายหรือไม่

==เฉินเย่าจง//หัวหน้าหน่วยสืบสวน สถานีตำรวจรถไฟไต้หวัน สาขานครเกาสง==
แรงงานต่างชาติในไต้หวันไม่คุ้นเคยกับการแลกเปลี่ยนเงินผ่านธนาคาร
จึงมักใช้เงินสดในการทำธุรกรรมหรือการกู้ยืมเงินทั้งหมด
ซึ่งทำให้การตรวจสอบเป็นไปค่อนข้างลำบาก

==ลวี่ซีอัน // ประธานสมาคมผู้ประกอบการจัดหางาน นครไถหนาน==
(ตามขั้นตอนปกติ) จะมีการจำกัดวงเงิน
และอีกอย่างคือช้ามาก
ประการทีสามคือค่าธรรมเนียมแพงมาก
การแลกเปลี่ยนเงินผ่านธนาคารปกติจะแลกจากเงินไต้หวันเป็นดอลลาร์สหรัฐ
พอถึงเวียดนามค่อยนำเงินดอลลาร์สหรัฐไปแลกเป็นเงินเวียดนามอีกที

เจ้าของเงินอ้างเป็นเงินออม+เงินที่กู้มา ตร. ยังอยู่ระหว่างสืบสวน

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ในเงินจำนวนทั้งหมด 4 ล้านเหรียญไต้หวันนั้น มี 5 แสนเหรียญไต้หวันเป็นเงินที่ชายคนดังกล่าวกู้ยืมมา ส่วนที่เหลือเป็นเงินออมที่เขาและน้องชายเก็บสะสมจากการทำงานในไต้หวันมาหลายปี แม้ว่าชายดังกล่าวจะให้การกับตำรวจว่า เงินจำนวนนี้ใช้เพื่อชำระหนี้ที่ยืมมาจากเพื่อนฝูงและญาติพี่น้องเพื่อนำไปซื้อบ้านที่เวียดนาม แต่ตำรวจไม่ตัดความเป็นไปได้ว่า เขาอาจมีแผนซื้อที่ดินในไต้หวันด้วย อย่างไรก็ตาม ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ชี้ว่า ชาวต่างชาติที่ต้องการซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ในไต้หวันต้องมีสัญชาติไต้หวัน เนื่องจากคดีนี้ยังคงมีข้อสงสัยหลายประการ ส่วนการคืนเงินจะเกิดขึ้นเมื่อใดนั้น ต้องรอการสืบสวนของตำรวจเพื่อยืนยันว่าไม่มีการกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการตรวจสอบพอสมควร