"แนวที่ 5" หรือ "Fifth column" ใช้เรียกกลุ่มคนที่ทำงานเป็นสายลับหรือไส้ศึก คอยก่อความวุ่นวายภายในประเทศ ระยะนี้สถานการณ์ระหว่างสองฝั่งชอบแคบค่อนข้างตึงเครียด หน่วยงานความมั่นคงไต้หวันคาดการณ์ว่าปัจจุบันไต้หวันอาจมีไส้ศึกที่เข้าข่าย"แนวที่ 5" ประมาณ 4,000 ถึง 5,000 คน หากเกิดสงครามขึ้น บุคคลเหล่านี้อาจทำลายโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เช่นน้ำประปา ไฟฟ้า และระบบโทรคมนาคมเป็นต้น
กองทัพไต้หวันซ้อมรบ ป้องกันการแฝงตัวของสายลับ "แนวที่ 5"
สถานการณ์ระหว่างช่องแคบไต้หวันยังคงตึงเครียดต่อเนื่อง เพื่อป้องกันสายลับ "แนวที่ 5" ก่อความวุ่นวาย เมื่อปีที่แล้วกองทัพไต้หวันฝึกซ้อมรบฮั่นกวง โดยเน้นไปที่โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น สถานีรถไฟไทเปและโรงกลั่นน้ำมัน ฝึกซ้อมเพื่อป้องกันการแทรกซึมของสายลับ "แนวที่ 5" ของกองทัพคอมมิวนิสต์จีน เบื้องต้นสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติประเมินจำนวนสายลับไว้ระหว่าง 4,000 ถึง 5,000 คน รวมทั้งชาวจีนในไต้หวัน คู่สมรสชาวจีน ชาวไต้หวัน และแก๊งมาเฟีย เมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้น กลุ่มคนเหล่านี้อาจร่วมมือกับกองทัพจีน ส.ส.บางคนชี้ว่าในช่วงสงครามอาจมีสายลับมากถึง 100,000 คน
==เฉินก้วนถิง //ส.ส.พรรค DPP==
สำหรับโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้
เพิ่มความพร้อมของของอุปกรณ์ของเราและการลงทุน
เมื่อนั้นเราจึงมั่นใจได้ว่า ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในไต้หวันก็ตาม
ไม่ว่าคุณจะเรียกพวกเขาว่าอะไร
กลุ่มคนที่ให้ความร่วมมือกับศัตรู มีกี่คน
พวกเราต้องเตรียมพร้อมให้มากขึ้น
ป้องกันสายลับแฝงตัว สารวัตรทหารร่วมปกป้องโครงสร้างพื้นฐาน
สายลับเหล่านี้มักจะแทรกซึมและแฝงตัวอยู่ในไต้หวัน และใช้วิธีการโจมตีไต้หวันหลายวิธี ไม่ได้มีเพียงการใช้กำลังโจมตีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปฏิบัติการด้านจิตวิทยาและการแฮ็กทางไซเบอร์ด้วย เป้าหมายเฉพาะ ได้แก่ โรงกลั่นน้ํามันไต้หวัน, การประปา, การไฟฟ้า, โรงพยาบาล และศูนย์วิทยาศาสตร์ ซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญระดับชาติมากกว่า 300 แห่ง (ที่กองทัพไต้หวันได้สังเกตเห็นจุดประสงค์ของกองทัพคอมมิวนิสต์และได้ดำเนินมาตรการตอบโต้แล้ว)
ป้องกันสายลับสร้างความปั่นป่วน สร้างขวัญกำลังใจให้ประชาชน
สายลับไม่ใช่กำลังหลักในการโจมตีไต้หวัน แต่ก่อให้เกิดความไม่สงบในสังคมและส่งผลต่อขวัญกำลังใจของชาวไต้หวัน สำนักงานความมั่นคง สภาบริหารยังได้เสริมการป้องกันแฮกเกอร์ทางไซเบอร์ในกลุ่มที่อาจโดนโจมตี ทั้งกลุ่มพลังงาน หน่วยงานรัฐบาล และ TSMC เสริมสร้างมาตรการป้องกันฉุกเฉิน