คุณผู้ชมคะ คนที่ผ่าตัด “ต้อกระจก” ได้ไม่นาน แล้วเริ่มรู้สึกว่า ตาพร่า มองอะไรไม่ชัดเจน ระวังอาจเป็น “อาการแทรกซ้อนหลังผ่าตัดต้อกระจก” แพทย์เปิดเผยว่า เกิดกับผู้ป่วยที่ผ่านการผ่าตัดต้อกระจกในสัดส่วนสูงถึง 90% ในช่วงไม่กี่ปีมานี้อายุของผู้ป่วยต้อกระจกมีแนวโน้มลดลง และอายุของผู้ป่วย “อาการแทรกซ้อนหลังผ่าตัดต้อกระจก” ก็มีแนวโน้มลดลงตามไปด้วย
ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดต้อกระจก มีอาการตาพร่า มองภาพไม่ชัด
ภาพของเส้นสีขาวที่มีลายเส้นคล้ายแผนที่ไต้หวันนี้ แท้จริงแล้วคือดวงตาของมนุษย์ เมื่อ 5 ปีก่อนหญิงแซ่ชวี (曲) วัย 55 ปีรายหนึ่งป่วยเป็นโรคต้อกระจก เมื่อเดือนเมษายนปีที่ผ่านมา (2566) เธอตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัด ไม่คาดคิดเลยว่า 2 เดือนให้หลัง เธอจะมีอาการแทรกซ้อนหลังผ่าตัดต้อกระจก
==คุณชวี//ผู้ป่วยโรคต้อกระจก==
ผ่านไป 2 เดือน เริ่มมีอาการตาพร่ามัว
และเมื่อมองไปที่วัตถุ ที่สำคัญคือเมื่อจ้องวัตถุ
จะรู้สึกเหมือนกำลังมองผ่านกระจกขุ่น
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่งผลให้อุบัติการณ์ต้อกระจกเพิ่มขึ้น
ในอดีตผู้ป่วยโรคต้อกระจกส่วนใหญ่มีอายุประมาณ 60-70 ปี แต่เนื่องจากปัจจุบัน ผู้คนนิยมใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้ผู้ป่วยต้อกระจกและผู้ป่วยภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดต้อกระจกมีแนวโน้มอายุน้อยลง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยว่า จากสถิติผู้ป่วยกว่า 90% ที่ได้รับการผ่าตัดต้อกระจกมีแนวโน้มเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังจากผ่าตัด โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีโรคเบาหวาน
==หงฉี่ถิง//แพทย์ประจำจักษุคลินิก==
สาเหตุของการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดต้อกระจกคือ
(ขณะผ่าตัด) ในการทำความสะอาดเลนส์แก้วตา
หลังทำความสะอาดเสร็จ
เซลล์ที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่ามากมาย
อาจตกค้างอยู่ภายใน
จากนั้นมันจะค่อยๆเคลื่อนตัวไปบริเวณถุงหุ้มเลนส์
ในช่วงที่มันเคลื่อนตัวไป
เซลล์จะมีการเปลี่ยนรูป เปลี่ยนสภาพ และเกิดการขุ่นมัวขึ้น
แพทย์เตือน แสงสีฟ้า รังสี UV ความเครียด เป็นสาเหตุของโรคต้อกระจก
แพทย์เตือนว่า แสงสีฟ้าจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ความเครียด และรังสี UV ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคต้อกระจก แม้ภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดต้อกระจกอาจรักษาให้หายขาดได้ด้วยเลเซอร์ แต่ก็ไม่มีวิธีที่จะป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ วิธีเดียวที่จะป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดต้อกระจกคือการป้องกันการเกิดโรคต้อกระจกนั่นเอง