GDP ต่อหัวของไต้หวันปีนี้ อยู่ที่ 38,066 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ เกาหลีใต้ อยู่ที่ 37,430 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 22 ปี ที่ไต้หวันกลับมาแซงหน้าเกาหลีใต้ ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ปัจจัยสำคัญคือ การเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และเงินไต้หวันที่แข็งค่ากว่าเงินวอนของเกาหลีใต้
เมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ประกาศ GDP ต่อหัวของปี ค.ศ. 2025 อยู่ที่ 37,430 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ก่อนหน้านี้สำนักงานสถิติและบัญชีกลางไต้หวันก็ได้ประกาศ GDP ต่อหัวของปีนี้เกือบแตะสี่หมื่นดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ 38,066 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 22 ปี ที่ไต้หวันกลับมาแซงหน้าเกาหลีใต้
==หวังเจี้ยนฉวน // รองประธานสถาบันวิจัยเศรษฐกิจจงหัว==
AI และเซมิคอนดักเตอร์กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไต้หวัoปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 4.5%
ขณะที่เกาหลีใต้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 1%
ประกอบกับ GDP ที่เติบโตและค่าเงินที่แข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว
ปีนี้ก็มีโอกาสที่จะแซงหน้าเกาหลีใต้ได้
ไต้หวันส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และออปติกเติบโตขึ้นกว่า 70%
นักวิชาการวิเคราะห์ว่า GDP ต่อหัวของไต้หวันสูงกว่าประเทศเกาหลีใต้ ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และออปติกที่เกี่ยวข้องกับชิป AI และเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกเติบโตประมาณ 70–80% แต่กระนั้นในกลุ่มอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยังมีอัตราการรจ้างงานเพียง 7% ของการจ้างงานทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าการพัฒนาของอุตสาหกรรมยังไม่มีความสมดุล
==ศ.ป๋อหยุนชาง // อดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ ม.เหวินฮว่า (CCU)==
เงินเดือนประจำและเงินเดือนหลังหักภาษีของเรา
ของประชาชนส่วนใหญ่ถือว่าน้อยมาก
ทั้งยังน้อยกว่าเกาหลีใต้และญี่ปุ่นมากด้วย
ปี 2023 ไต้หวันเจอการเกษียณระลอกแรก คาดอีก 16 ปีเจอระลอก 2
แต่สิ่งที่ควรระวังคือ ไต้หวันอาจกำลังเผชิญกับวิกฤตการสูญเสียแรงงาน ซึ่งจากสถิติของกระทรวงมหาดไทยไต้หวัน พบว่า คนรุ่นเบบี้บูมระลอกแรกและระลอกที่สองจะทยอยเกษียณในอนาคตข้างหน้า รวมทั้งสองระลอกจะอยู่ที่ประมาณ 6,670,000 ล้านคน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานได้
กระแสการเกษียณ+เกิดน้อย แนะนำเข้าแรงงานต่างชาติหรือใช้ AI
เพื่อรับมือกับกระแสการเกษียณที่กำลังมาถึง และปัญหาการเกิดต่ำ นักวิชาการจึงเสนอแนะให้รัฐบาลพิจารณานำเข้าแรงงานต่างชาติเพิ่ม หรือใช้ระบบ AI อัตโนมัติมาลดความต้องการกำลังแรงงาน ขณะเดียวกันก็ควรพิจารณาหาวิธีการที่เหมาะสมในการจ้างแรงงานผู้สูงอายุที่ยังอยากทำงานต่อ เพื่อทดแทนแรงงานวัยหนุ่มสาวด้วย